เครือข่ายภาค ปชช. บุก คลัง อ่านแถลงการณ์ ค้านตัดสิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

เครือข่ายภาค ปชช. บุก คลัง อ่านแถลงการณ์ ค้านตัดสิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ก่อนไปต่อที่ มท.- พม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 สิงหาคม 2566 ที่หน้ากระทรวงการคลัง มีกลุ่มเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ, เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) และเครือข่ายสลัมสี่ภาค ประมาณ 60-70 คน ได้เดินทางมาเรียกร้องคัดค้านการตัดสิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผู้มีฐานะร่ำรวย จากการประกาศปรับระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 โดยมีตัวแทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังมารอรับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะต้องทำการยื่นหนังสือเรียกร้อง กับมือ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เท่านั้น แต่ทางด้านปลัดกระทรวงการคลัง ไม่ได้ออกมาตามคำเรียกร้อง ทางผู้ชุมนุมจึงไม่ได้ทำการยื่นหนังแต่อย่างใด และใช้วิธีพับหนังสือเรียกร้องเป็นจรวด และร่อนเข้าผ่านรั้วกระทรวงคลังแทน

หลังจากนั้นเวลา 10.45 น. ผู้ชุมนุมได้เตรียมตั้งขบวน เคลื่อนไปยังที่หมายถัดไป คือ กระทรวงมหาดไทย และช่วงบ่ายจะไปที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและสวัสดิการมนุษย์ (พม.) เป็นลำดับสุดท้าย

Advertisement

ทั้งนี้ ได้มีการแถลงการณ์ประชาชนต่อการตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่า ในห้วงยามที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี รัฐบาลทหารยังคงรักษาการในช่วงคุกรุ่นของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กระทรวงมหาดไทย อาศัยจังหวะฝุ่นตลบนี้ ออกหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเพิ่มคุณสมบัติ การเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ แก่การยังชีพเข้ามาเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการรับสวัสดิการเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุ ทั้งที่กว่าทศวรรษ สวัสดิการรายเดือนของผู้สูงวัยถูกปรับให้ก้าวหน้าขึ้น เปลี่ยนจากการสงเคราะห์คนยากไร้มาให้สิทธิอย่างถ้วนทั่วทุกคน ขอเพียงให้มีอายุ 60 ปี และไม่ได้รับสวัสดิการ หรือบำนาญอื่นใดจากรัฐในลักษณะเดียวกัน

แต่จากการดำเนินงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงการคลัง และกระทรวงมหาดไทย (มท.) ภายใต้การนำของรัฐบาลทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ไม่เคยเชื่อมั่นในระบบสวัสดิการถ้วนหน้า กลับลิดรอน ลดทอนด้อยค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ด้วยการให้พิสูจน์ความยากจน เสมอมา แต่ทว่าขี้ขลาด ไม่เคยแสดงความองอาจ และความกล้าหาญที่จะลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพลเมืองในประเทศนี้ให้อยู่ดีกินดีเลยสักครั้ง

Advertisement

“ยิ่งสังคมไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น รัฐควรต้องออกโรงมาปกป้องดูแลทรัพยากรมนุษย์ ผู้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศมาชั่วนาตาปี ด้วยการเพิ่มสิทธิสวัสดิการยกระดับคุณภาพชีวิต ในฐานะพลเมือง ทรัพยากรบุคคลของประเทศ ในนามของพลเมือง ที่จะได้รับผลกระทบจากการออกระเบียบของทั้งกระทรวงมหาดไทย และหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ”

โดยขอเรียกร้องให้ 1.กระทรวงมหาดไทย ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 แล้วกลับไปใช้ระเบียบเดิม ซึ่งคงสิทธิถ้วนหน้า โดยไม่ต้องพิสูจน์ความยากจน และตัดสิทธิการรับสวัสดิการซ้ำซ้อนไว้แล้ว

2.คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ต้องออกมาปกป้องสิทธิของผู้สูงอายุทุกคน ไม่ให้ถูกลิดรอนต่ำลงไปกว่าที่เดยเป็น ด้วยการไม่สนองตอบต่อหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566

3.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยกระดับการเปลี่ยนเบี้ยยังชีพให้เป็นบำนาญถ้วนหน้า ด้วยการออกเป็นกฎหมายรองรับ ไม่ใช่ ใช้หลักนโยบายการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุตามมติคณะรัฐมนตรี

4.กระทรวงการคลัง ทำหน้าที่ของตัวเองในการศึกษาตัดงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และหาแหล่งรายได้ใหม่ๆ เข้ารัฐ เพื่อเพิ่มรายได้มาเติมเต็มการจัดสวัสดิการให้กับประชาชนแบบถ้วนหน้า เช่น การศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการจัดเก็บภาษีความมั่งคั่ง ภาษีลากลอย ภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้น เป็นต้น

5.รัฐบาลใหม่ ต้องผลักตันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีเรื่องรัฐสวัสดิการเป็นสิทธิแบบถ้วนหน้าบรรจุในกฎหมายให้ชัดเจน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image