‘สมศักดิ์’ ปัดฟื้นกลุ่มวังน้ำยม ต่อรองเก้าอี้ รมต. รับสนใจกระทรวงเกษตรฯ เพราะถนัด-ช่วยชาวบ้านได้ เปรยพรรคอื่นก็อยากได้เหมือนกัน คาดดีลจบก่อนโหวต 1-2 วัน
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 17 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ข่าวการเดินสายเปิดตัวกลุ่มวังน้ำยมภาคใหม่เพื่อหวังนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ได้เห็นการวิเคราะห์ของสื่อมวลชนแห่งหนึ่ง ถึงประเด็นการรื้อกลุ่มวังน้ำยมกลับมา ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะกรณีการวิเคราะห์ที่พยายามเชื่อมโยงว่าตนกำลังรวบรวมขุมกำลัง เพื่อต่อรองตำแหน่งนั้น ไม่เป็นข้อเท็จจริง และอาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายในพรรคได้ รวมถึงมีการนำรายชื่อ ส.ส.ที่ได้ร่วมลงพื้นที่ในหลายจังหวัด มานำเสนอให้ดูมีน้ำหนัก ว่ารวมกลุ่มกันต่อรองตำแหน่ง ซึ่งอาจส่งผลให้ ส.ส.ได้รับความเสียหาย เพราะคณะยุทธศาสตร์การเกษตรพรรค พท. ตั้งใจลงพื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหา และนำไปสู่การแก้ไข โดยไม่ใช่เป็นการตั้งก๊ก หรือรวมกลุ่มแต่อย่างใด
“การลงพื้นที่รับฟังปัญหาเกษตรกรของผม กับคณะยุทธศาสตร์การเกษตร พรรคเพื่อไทยนั้น ส.ส.ทุกคนมีความตั้งใจมากที่จะทำงานให้กับพรรค ประกอบกับผมเป็นคนไม่เคยหยุดนิ่งตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งยันเลือกตั้งจบ ก็ทำงานรับฟังปัญหาของประชาชนมาตลอดจนเวลานี้ จากการลงพื้นที่ก็สามารถทำให้พี่น้องประชาชนรับทราบว่าพรรคเพื่อไทยมีความใส่ใจในความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างมาก จึงรีบลงพื้นที่เพื่อรวบรวมปัญหา และเตรียมนำเสนอต่อรัฐบาล ให้แก้ปัญหาต่างๆ อย่างเร่งด่วน แต่การถูกนำไปวิเคราะห์ทางการเมืองในลักษณะนี้ ผมมองว่าไม่เป็นผลดี เพราะจะทำให้คนทำงานในพื้นที่ต่างๆ เสียกำลังใจ ผมจึงขอปฏิเสธตรงนี้ และขอยืนยันว่าไม่เคยไปตั้งกลุ่ม ตั้งแก๊งรวมก้อน เพื่อไปต่อรองตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ช่วยกันลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชนเท่านั้น” นายสมศักดิ์กล่าว
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าวและเรื่องราวดีๆ ของตนมาโดยตลอด แต่การวิเคราะห์ครั้งนี้ ทำให้ต้องรีบออกมาอธิบาย เพราะอาจจะส่งผลเสียให้กับเพื่อนสมาชิก ส.ส.ที่ตั้งใจทำงานอย่างหนัก โดยการวิเคราะห์ที่พยายามเชื่อมโยงต่างๆ นั้น ขอย้ำว่าไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย เพราะไม่เคยไปต่อรองตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งการแต่งตั้งรัฐมนตรี ก็เป็นอำนาจของพรรคการเมือง ที่ต้องสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถพร้อมทำงาน โดยจะเห็นได้ว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของพรรค ไม่สามารถไปก้าวล่วงได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้ตอนนี้คือทำงานในนามพรรคให้หนัก ในเรื่องที่ถนัด คือ การเกษตร เพื่อหวังว่าพี่น้องเกษตรกรจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น จึงขอว่าอย่านำความตั้งใจดีของ ส.ส.ไปเชื่อมโยงทางการเมือง ให้เกิดบรรยากาศที่ไม่ดีขึ้น เพราะเหมือนจะเป็นการด้อยค่าความตั้งใจทำงานของเรา ที่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง
เมื่อถามย้ำว่า สถานะของกลุ่มวังน้ำยมตอนนี้มีจริงหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวยืนยันว่า ไม่มีกลุ่มดังกล่าว การเขียนข่าวแบบนี้ไม่ทันสมัย เหมือนวู่วามไปหน่อย
เมื่อถามต่อว่า ส่วนตัวสนใจเก้าอี้กระทรวงเกษตรฯหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เก้าอี้รัฐมนตรีเป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมือง ทุกคนอยากทำงานในส่วนที่ตัวเองคิดว่าช่วยประชาชนได้ คงไม่ใช่แค่ตนหรือคนใดคนหนึ่ง ทุกคนล้วนอยากทำงานที่ตัวเองถนัด ไม่อยากทำแล้วถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องงาน และตนก็ไม่ใช่คนอยู่นิ่ง อย่างรัฐบาลที่แล้วเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คนก็ตั้งข้อสังเกตว่าจะทำได้หรือไม่ แต่เมื่อทำแล้วก็ไม่อยู่นิ่ง จะต้องทำให้เดินหน้าให้ได้
ต่อข้อถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่เก้าอี้กระทรวงเกษตรฯจะต้องอยู่กับพรรค พท. นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ ดูเหมือนว่าหลายพรรคอยากได้ แต่ในการจัดตั้งรัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าอะไรจำเป็น อะไรไม่จำเป็น ขอให้ดูความต้องการ แต่คนต่างจังหวัดอยากได้กระทรวงเกษตรฯ คนในเมืองอาจจะไม่เห็นความสำคัญเท่ากระทรวงอื่น เพราะคนต่างจังหวัดผูกพันกับเรื่องของเกษตรกรรมมาก
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการดีลจัดตั้งรัฐบาล และจัดสรรตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรี นายสมศักดิ์กล่าวว่า เมื่อมีการกำหนดวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคม ก็เชื่อว่าการตกลงเก้าอี้รัฐมนตรีจะจบภายใน 1-2 วันนี้
เมื่อถามว่า มีการดีลไม่ลงตัวหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในทีมเจรจา และข่าวที่ออกมาแต่ละวันก็สร้างความสับสนให้กับผู้คน แต่เชื่อว่าดีลจะจบก่อนโหวตเลือกนายกฯ เพราะพรรคร่วมต้องการอย่างนั้น พรรคแกนหลักก็ต้องตอบสนองในส่วนที่ทำได้
ส่วนความชัดเจนว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะมาร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ หลังจากนายสมศักดิ์ไปพูดคุยกับ นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค รทสช. นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้ไปเชิญมาร่วมรัฐบาล เพียงแค่เจอกันก็พูดคุยกัน แต่ใน 1-2 วันนี้ ไม่มีความคืบหน้า
