ณัฐชา ขอสภาแก้ไขมติ ให้ชงชื่อนายกฯซ้ำสองได้ อย่าให้สิ่งไม่ถูกต้อง บันทึกไว้ตลอดไป

‘ณัฐชา’ หนุน ‘โรม’ ชงญัตติข้อบังคับประชุมสภาข้อ 41 ชี้ สภาควรแก้ปัญหาเอง ลั่น ก้าวไกลไม่ล้มเลิกเสนอชื่อ ‘ พิธา’ ซ้ำหากมีช่อง

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ก.ก. จะเสนอญัตติให้ทบทวนข้อบังคับการประชุมสภา ข้อที่ 41 จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนวันที่ 19 กรกฎาคม ที่มีการปิดประชุมก่อนที่จะโหวตเพื่อหาข้อสรุปว่า แน่นอนว่าเรื่องของข้อบังคับข้อที่ 29 เราผูกโดยสภา มีปัญหาโดยสภา และทางหน่วยงานภายนอกต่างๆ ที่มาตัดสินเราก็ไม่เห็นด้วย เพราะกลไกฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องใช้สภาเป็นผู้แก้ปัญหา เพราะฉะนั้น มองว่าการตัดสินในวันนั้นหลังจากโหวตลงมติไปแล้วมีนักวิชาการและอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ วิตกกังวลเรื่องข้อกฎหมายที่สภาได้ลงมติไป รวมถึงองค์กรอิสระและหน่วยงานต่างๆ ออกมาให้ความเห็นว่าไม่ถูกไม่ควรนัก

ฉะนั้น เราก็อยากจะหยิบยกเรื่องราวต่างๆ ที่สภาผูกเอาไว้และแก้โดยสภา ด้วยการใช้อำนาจของสภาที่จะทบทวนญัตติที่ลงมติไปแล้ว ซึ่งสามารถทำได้ ส่วนกระบวนการที่ไม่อยากให้เกิดการกระทำเรื่องนี้ เพราะเหตุใดก็อาจจะส่งผลว่า หากเรื่องนี้มีการทบทวนใหม่ และมีคนลงความเห็นว่าไม่เห็นด้วย และสุดท้ายต้องกลับมาทบทวนใหม่ก็เกรงว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค ก.ก.จะได้กลับมาโหวตอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้มีความพยายามเป็นเกมการเมืองอย่างแน่นอน แต่ความถูกต้องควรที่จะคงอยู่คู่สภา และสภาไม่ควรทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า มองการทำหน้าที่ของประธานสภาอย่างไร นายณัฐชากล่าวว่า ในคราวที่แล้วก็ต้องเคารพการตัดสินใจของประธานสภา ซึ่งอำนาจตามข้อบังคับในข้อที่ 22 ของประธานสภา ส่วนในครั้งนี้เราก็อยากขอความเห็นใจว่าสภาผู้แทนราษฎรที่มีการลงมติอย่างหนึ่งอย่างใดไปแล้ว มันผูกพันและถูกบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ ว่าการทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎรทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ ฉะนั้น ส่วนนี้จะถูกบันทึกและจดจำ

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่า ยังมีช่องทางที่จะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ได้อีกหรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า หากมีแนวทางหรือช่องทางที่จะสามารถสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกฯได้ เราคงต้องทำต่อเนื่อง เพราะเราได้รับมอบหมายจากประชาชนมาแล้ว เราไม่สามารถล้มเลิกได้อย่างง่ายๆ วันนี้ 150 เสียงของพรรค ก.ก.ก็ยังคงยืนหยัดที่อยากจะต่อสู้เพื่อความต้องการของประชาชน แต่เราไม่สามารถทำได้เนื่องจากเราไม่มีเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ มากพอ ฉะนั้น ก็เป็นเครื่องพิสูจน์และให้ประชาชนเห็นว่า การเลือกตั้งนั้นสำคัญและการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือการตัดสินใจเลือกใครเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเรานั้นต้องสังเกตดีๆ ในการโหวตเลือกนายกฯครั้งนี้ว่าเขาสามารถตอบโจทย์ความต้องการของท่านได้หรือไม่ และสามารถเข้ามาทำหน้าที่แทนในสภาและโหวตนายกฯตามความต้องการของท่านได้หรือไม่ ฉะนั้น ส.ส.จากทุกพรรคการเมืองวันนี้ประชาชนออกมากดดัน อย่าให้เป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย พรรคที่ได้รับเสียงอันดับ 1 ควรจะได้เป็นนายกฯ เราพูดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะมันเกิดความผิดปกติในสังคม มีคนพยายามบิดเบือนและพยายามพูดว่ารวมเสียงจากฟากฝ่ายหนึ่งชนะก็สามารถเป็นนายกฯได้ ซึ่งความจริงแล้วเป็นเรื่องผิดปกติในระบอบประชาธิปไตย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image