ม็อบฮือบุก ‘คลัง-พม.-มท.’ ต้านหั่นเบี้ยชรา ก้าวไกลแถลงค้าน จ่อชง กม.บำนาญถ้วนหน้า

ม็อบฮือบุก ‘คลัง-พม.-มท.’ ต้านหั่นเบี้ยชรา ก้าวไกลแถลงค้าน จ่อชง กม.บำนาญถ้วนหน้า ปธ.บอร์ดผู้สูงอายุลั่นนโยบายมีแต่เพิ่มไม่ลด

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีการที่มีแนวคิดปรับ เบี้ยผู้สูงอายุ ว่า เรื่องดังกล่าวหน่วยงานกำหนดนโยบายคือคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งมีตนเป็นประธาน ถือว่าเป็นหน่วยกำหนดนโยบาย ส่วนกระทรวงมหาดไทยหรือหน่วยปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยปฏิบัติ คือหน่วยที่จะจ่ายเงินตามนโยบายที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นผู้กำหนด ซึ่งจนถึงขณะนี้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติยังไม่เคยมีนโยบายที่จะไปลดเบี้ยยังชีพให้น้อยลงหรือไปลดปริมาณผู้สูงอายุหรือจำนวนผู้สูงอายุที่จะได้รับเบี้ยยังชีพให้น้อยลงหรือเลือกจ่ายเฉพาะใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่อย่างใดทั้งสิ้น นโยบายยังคงเดิม นั่นคือจ่ายตามระบบ 600,700,800 และ 1,000 บาท ตามขั้นอายุ ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว

“ในฐานะประธานคณะกรรมการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ยืนยันว่า ยังไม่เคยมีนโยบายให้ไปเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่สั่งการให้ศึกษาแนวทางต่างๆ ว่าจะเพิ่มเบี้ยยังชีพให้สูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสอดคล้องกับภาวะค่าของชีพ ภาวะเศรษฐกิจ หรือกำลังเงินงบประมาณของแผ่นดินให้มากขึ้นได้อย่างไร” นายจุรินทร์กล่าว

ที่รัฐสภา นายเซีย จำปาทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ขอแถลงคัดค้านการออกระเบียบมหาดไทย ลดบำนาญประชาชนว่า พรรค ก.ก.เห็นว่าประกาศดังกล่าวเป็นการหมุนกงล้อระบบสวัสดิการย้อนกลับจากที่ไทยควร ก้าวไปสู่การมีระบบสวัสดิการถ้วนหน้ากลับไปสู่ระบบสงเคราะห์ ที่ต้องพิสูจน์ความจนเพื่อได้รับการช่วยเหลือ เป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างไม่น่าให้อภัย และไม่น่าเกิดขึ้นในยุคโลกาภิวัฒน์ที่ให้คุณค่ากับสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม

Advertisement

นายเซียกล่าวต่อว่า ปัญหาที่พรรค ก.ก.กังวลว่าจะมีเพิ่มตามมาคือเรื่องกฎเกณฑ์ที่จะต้องออกหลังประกาศฉบับนี้ หากมีการใช้ฐานข้อมูลจากบัตรคนจน ก็มีการประเมินกันว่าจะมีผู้สูงอายุที่หลุดออกจากระบบ ไม่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุประมาณอีก 6 ล้านคน นอกจากนี้ ฐานข้อมูลของบัตรคนจนก็มีความไม่เที่ยงตรงพอสมควร เพราะมีการสำรวจว่ามีคนจนประมาณ 46 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้บัตร แปลว่าข้อมูลตกหล่นจากฐานข้อมูลไปเยอะมาก ฉะนั้น พรรค ก.ก.เห็นว่าจึงต้องมีการให้สวัสดิการแบบถ้วนหน้า เพื่อไม่ต้องมาเสียเวลาพิสูจน์ความจน เพื่อจะรับเงิน 600 บาท หรือแค่ ประมาณ 20 บาทต่อวัน

“พรรค ก.ก.ขอคัดค้านการออกระเบียบดังกล่าวตามเหตุผลที่กล่าวมาและขอยืนยันในสิ่งที่ได้หาเสียงไว้ คือการสร้างสวัสดิการถ้วนหน้า ได้มีการพิสูจน์มาแล้วหลายที่ในโลกว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ พรรคก.ก.เชื่อว่าสวัสดิการถ้วนหน้าไม่ได้มีราคาแพง ไม่เป็นภาระด้านงบประมาณ เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้โดยตรง เพราะเชื่อว่าสวัสดิการถ้วนหน้า คือสิ่งที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ” นายเซียกล่าว และว่า เตรียมยื่น ร่าง พ.ร.บ.บำนาญถ้วนหน้า เพื่อเป็นก้าวแรกที่จะทำให้ระบบสวัสดิการของเราก้าวไปข้างหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกลุ่มเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ, เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) และเครือข่ายสลัมสี่ภาค ประมาณ 60-70 คน ได้เดินทางมาหน้าบริเวณกระทรวงการคลัง เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องคัดค้านการตัดสิทธิเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2566 โดย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ไม่ได้ออกมาตามคำเรียกร้อง ทางผู้ชุมนุมจึงใช้วิธีพับหนังสือเรียกร้องเป็นจรวด แล้วร่อนผ่านรั้วกระทรวงคลังแทน

Advertisement

จากนั้นผู้ชุมนุมตั้งขบวนเคลื่อนไปยังที่หมายถัดไปคือกระทรวงมหาดไทย ต่อด้วยช่วงบ่ายไปที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและสวัสดิการมนุษย์ (พม.) เป็นลำดับสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื้อหาในหนังสือเรียกร้อง ระบุว่า 1.ขอให้กระทรวงมหาดไทย ให้ยกเลิกระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2566 แล้วกลับไปใช้ระเบียบเดิม 2.คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ต้องออกมาปกป้องสิทธิของผู้สูงอายุทุกคน 3.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยกระดับการเปลี่ยนเบี้ยยังชีพให้เป็นบำนาญถ้วนหน้า 4.กระทรวงการคลัง ตัดงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และหาแหล่งรายได้ใหม่ๆเข้ารัฐ และ 5.รัฐบาลใหม่ ต้องผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีเรื่องรัฐสวัสดิการเป็นสิทธิแบบถ้วนหน้าบรรจุในกฎหมายให้ชัดเจน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image