‘เอกนัฏ’ เผย ต้องถอยคนละก้าว จบสงครามสีเสื้อ 20 ปี ชี้ พท. ต้องแจง ปชช. หลังประกาศร่วม 2 ลุง
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งในรายการคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ถึงประเด็นร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ตนและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ได้หารือร่วมกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท., นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค ซึ่งทางพรรค พท. ได้ทาบทามอย่างเป็นทางการ ซึ่งทางเราได้บอกเงื่อนไข เหมือนที่เคยบอกไปแล้วว่า คือ ม.112 และไม่มีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ส่วนข่าวลือที่บอกว่ามีการต่อรองเงื่อนไขเรื่องกระทรวงต่างๆ พรรค รทสช. ไม่ได้ติดใจเรื่องนั้น เราให้ความสำคัญที่หลักการ
นายเอกนัฏกล่าวว่า ทางพรรค พท. รับปากว่าจะไม่มี พรรค ก.ก.ในอนาคตแน่นอน ประเด็นที่มีปัญหาหลักของพรรค ก.ก. คือ ม.112 มองว่าถ้า พรรค ก.ก.ถอย ม.112 ในวันนั้น การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบแรก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. ก็อาจเป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว
นายเอกนัฏกล่าวต่อว่า ในการหารือเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พรรค พท.บอกว่าต้องเร่งจัดตั้งรัฐบาล เพราะมองว่าถ้าบ้านเมืองอยู่ในสภาพแบบนี้ จะจัดการปัญหาของประชาชนลำบาก จึงขอความร่วมมือ พรรค รทสช. ร่วมมือกันทำงานได้หรือไม่ ซึ่งทั้ง 2 พรรคไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่หลายคนจ้องมาที่ปัญหาส่วนตัวของตนกับพรรค พท. แต่วันนี้เราจะไปจมอยู่กับความขัดแย้งในอดีตไม่ได้ เราต้องเดินหน้าปรองดองสมานฉันท์
นายสรยุทธถามว่า นายเอกนัฏ คือ กปปส.ในอดีต เคยออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย แล้วยาวนานจนมาถึงรัฐประหาร ไม่มีอะไรติดค้างกันหรือ นายเอกนัฏกล่าวว่า ใช่ครับ คือ ประวัติศาสตร์ลบไปไม่ได้ ผมจะปฏิเสธสิ่งที่ผมทำไปแล้วก็ไม่ได้ แต่ในช่วงนั้นเหตุผลที่ออกมา คือ ช่วงนั้น ผมเป็น ส.ส.อยู่แล้ว และมีการผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย จึงออกมาชุมนุมต่อต้าน ซึ่งตอนนี้กฎหมายนิรโทษกรรมก็ไม่มีแล้ว และผ่านมาเป็น 10 กว่าปี ความขัดแย้งที่คนเข้าใจว่ามีระหว่าง เสื้อเหลือง เสื้อแดง ผมคิดว่ามันควรจะยุติไปได้แล้ว วันนี้อยู่ในจังหวะที่ทุกคนควรจะร่วมมือกันทำงานขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า และควรให้โอกาสซึ่งกันและกัน
นายสรยุทธถามว่า นายเอกนัฏ และพรรค พท. เห็นว่าควรยุติความขัดแย้งแล้ว นายเอกนัฏกล่าวว่า ถูกต้องครับ ต่างคนต่างเจ็บกันทั้งนั้น วันนี้ผมก็ถูกคดีนะ หลายคนที่พูดมาว่าจะต่อรองกระทรวงนั้น กระทรวงนี้ เจรจากับผมดีสุด ผมไม่มีประโยชน์ทับซ้อน เป็นอะไรไม่ได้เพราะติดคดีอยู่
“ดังนั้น โผที่ออกมาว่าผมจะไปนั่งอะไร ผมเป็นอะไรไม่ได้ แต่วันนี้เราต้องตัดสินใจเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง และผมจะไม่เอาความขัดแย้งในอดีต มาเป็นอุปสรรคในการเดินหน้าเพื่อส่วนรวมในอนาคต ยืนยันว่ายังไม่ได้คุยเรื่องกระทรวงอะไร หัวหน้าพรรค รทสช. ก็เป็นคนไม่สนใจตำแหน่งแห่งหนอะไรอยู่แล้ว” นายเอกนัฏกล่าว
นายสรยุทธถามว่า อย่างน้อยสูตรมันต้องมีว่า 36 เสียงของ รทสช. ต้องมี 4 เก้าอี้ นายเอกนัฏกล่าวว่า วันนี้เรายังไม่รู้ว่ายอดรวมเท่าไหร่ แต่ที่คณิตศาสตร์สูตรสำคัญในรัฐสภา ต้องมีเสียงสนับสนุนเกินครึ่ง คือ ต้องผ่าน 250 ในสภาล่าง และต้องผ่าน 375 ในรัฐสภา
พรรค รทสช.จะช่วยหาเสียง ส.ว.ด้วยหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า ไม่ง่าย เพราะตั้งแต่แรก ตนพูดกับทุกคนว่าไปเตรียมฝ่ายค้าน และเรามีแค่ 36 เสียง
เห็นใจ พรรค พท.หรือไม่ เพราะเคยสัญญาไว้ว่าจะไม่ร่วมกับ 2 ลุง แต่ถึงเวลาจริงๆ ว่าทั้ง 2 ลุง นายเอกนัฏกล่าวว่า มองว่า พรรค พท.มีสิทธิที่ต้องชี้แจงต่อสังคม สำหรับพรรค รทสช. ตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกกับตนชัดเจนว่าต้องการวางมือ อยู่ที่มุมคิด คิดเป็นบวกก็เป็นบวก ถ้าเป็นลบก็ไม่จบไม่สิ้นสักที
แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ พรรค รทสช.โอเคหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า คุยกันในระดับหนึ่ง ซึ่งได้บอกว่ามีประเด็นในรัฐธรรมนูญ ที่คิดว่าไม่ควรแก้ ต้องมาหาแนวทางร่วมกัน ว่าถ้าแก้แล้วจะมีหลักประกันอะไร ที่จะไม่สร้างปัญหาขึ้นอีก ถ้าพูดตรงๆ คือ ไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 และมีหลักการว่าแก้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์
ทำไมไม่แถลงข่าวร่วมกัน นายเอกนัฏกล่าวว่า เพราะจะโหวตนายกฯ วันที่ 22 สิงหาคมนี้แล้ว แถลงไปแถลงมาเสียเวลาหรือไม่ ทั้งนี้คาดว่า ก่อนจะโหวตนายกฯ น่าจะแถลงร่วมกับทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาลอีกครั้ง
มั่นใจว่าโหวตนายกฯ ครั้งเดียวจบ นายเอกนัฏกล่าวว่า ไม่มั่นใจ จนกว่าจะมีการโหวตนายกฯ และเป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำที่จะต้องไปรวบรวมเสียงให้ได้เกินกึ่งหนึ่งในรัฐสภา แต่มั่นใจว่าถ้า รทสช.ไปทางไหน 36 เสียงไปทางนั้นแน่นอน
นายสรยุทธถามว่า ท่านนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์) ก็ช่วยได้นะ หาเสียง ส.ว. นายเอกนัฏกล่าวว่า ท่านนายกฯ ไม่อยากยุ่ง และประกาศชัดเจนว่าจะวางมือจากการเมือง เราไม่เอาท่านมายุ่ง ท่านเองก็ไม่สะดวกใจที่จะมายุ่งกับการเมือง จึงไม่อยากรบกวนท่าน
ผู้สนับสนุน พรรค รทสช. เข้าใจหรือไม่ที่ไปร่วมกับ พรรค พท. นายเอกนัฏกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลาชี้แจง อธิบายกันไป ตนเข้าใจว่าหลายคนอาจจะมีความรู้สึกแคลงใจกันอยู่ แต่ถ้าเราตัดสินใจเดินไปข้างหน้าเพื่อส่วนรวม ต้องก้าวข้ามกันไป
“สงครามสีเสื้อ 20 ปี ผมคิดว่าขอให้มันจบ ผมคิดว่าเราเลือกที่จะเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ได้ ต่างคนต่างมีบทเรียนสำคัญทั้งคู่ วันนี้ถ้าทุกคนคิดได้ว่าจะยึดบ้านเมือง สถาบันเสาหลัก เอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ก็สามารถเดินหน้าไปต่อไป ก็ขอให้ความขัดแย้งจบลงในรุ่นเรา” นายเอกนัฏกล่าว