‘กระสุนตก-ทัวร์ลง’ ถามตรง-กกต.เพิ่งตอบ‘มีไว้ทำไม’

‘กระสุนตก-ทัวร์ลง’
ถามตรง-กกต.เพิ่งตอบ‘มีไว้ทำไม’

หมายเหตุนายปกรณ์ มหรรณพ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ร่วมอภิปรายหัวข้อ “กกต.มีไว้ทำไม” จัดโดยหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) รุ่นที่ 13 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม

ปกรณ์ มหรรณพ
กรรมการการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งปี 2562 กับปี 2566 นั้น เราสามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้ก่อนเวลา ในปี 2562 มีปัญหาเกี่ยวกับบัตรเขย่งจำนวนมาก ซึ่งปัญหาคะแนนเขย่ง มีปัญหาเกี่ยวกับการประกาศผลหน้าหน่วยเลือกตั้ง การมารวมคะแนนของเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร และเลือกตั้งล่วงหน้าที่เขต แต่ปี 2566 ไม่มีปัญหาเหล่านี้ แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องนับผิดพลาดจำนวน 40 หน่วย จากกว่า 9 หมื่นหน่วย นั่นคือสิ่งที่ กกต.ได้พัฒนาและแก้ไข ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นเราได้รับไปแก้ไขตลอด มาถึงปี 2566 ได้ดำเนินการมาตามระยะเวลาที่กำหนดถูกต้อง จำนวนคนที่ กกต.ใช้ในการทำงาน 1 ล้านคน ใช้งบประมาณ 6 พันล้านบาท พูดกันมากว่า กกต.มีไว้ทำไม ใช้เงินไป 6 พันล้าน ซึ่งเงินที่ กกต.ใช้บริหารจริงๆ นั้นมันไม่มากเลย แต่ภาพรวมมันเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์จะต้องทำความเข้าใจให้กับคนที่มีอคติกับเรา แต่เป็นอย่างที่ ส.ว.ท่านได้พูดว่าเราต้องแก้ไขปรับปรุง

อย่างที่บอก กกต.พัฒนา และ กกต.ทำตามกฎหมาย การที่ กกต.พิมพ์บัตรเลือกตั้งโหลเพราะกฎหมายกำหนดให้เราต้องพิมพ์บัตรโหล กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งเพราะต้องมีอำเภอหลัก กกต.ถูกฟ้อง 5 สำนวน แล้วศาลปกครองก็พิพากษาว่า กกต.ได้ทำตามกฎหมาย หลังจากที่เราเลือกตั้งต้องประกาศผลภายใน 60 วัน เราก็ทำแล้ว นี่เกือบ 2 เดือนแล้วที่เราประกาศผล ก็อยากจะถามว่า “…มีไว้ทำไม เลือกนายกฯได้แล้วหรือยัง”

ADVERTISMENT

ส่วนกรณีการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าต้องยืนยันหลักฐานแน่ชัดว่าในปี 2562 ไม่มีการแจ้งจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าถือหุ้น อันนี้คือประเด็นที่ต้องพิจารณาว่านายพิธาถือหุ้นในฐานะอะไร เช่นเดียวกับอดีต ส.ส.ระยอง พรรคก้าวไกล ได้ตรวจหลักฐานจากศาลจังหวัดชลบุรีไม่มีคำพิพากษาว่ากระทำความผิด เหตุเกิดเมื่อปี 2542 ทะเบียนประวัติมี ปี 2543 เป็นปีที่ตั้งศาลพัทยา จึงได้สอบถามไปศาลพัทยา เพื่อความถูกต้อง ซึ่งตอบกลับมาว่าไม่มี กกต.มีหลักฐานทุกอย่าง ทำตามกฎหมายทุกอย่าง เมื่อไม่มี กกต.ต้องประกาศรับรองไป แต่ภายหลังปรากฏ กกต.ก็ดำเนินการตามกฎหมายทันที

นี่คืออยากจะชี้ให้เห็นว่าเรายินดีรับกระสุน เรายินดีเตรียมน้ำไว้สำหรับรถทัวร์ และอีกอย่างที่อยากจะชี้แจงคือกรณีที่จังหวัดนครนายกแม้ศาลฎีกาจะพิจารณาว่าไม่มีอำนาจครอบงำสื่อ จากการที่ถือหุ้นเพียง 400 หุ้น เป็นดุลพินิจ ถามว่าทำไมรัฐธรรมนูญไม่กำหนดเรื่องครอบงำไว้ จะไปกำหนดภายหลังในเรื่องการมีส่วนได้เสีย ถ้ากฎหมายกำหนดเรื่องครอบงำไว้ เราจะวินิจฉัยง่าย แต่ความ กกต.ให้ความเคารพและยอมรับศาลฎีกา เมื่อท่านถือว่าต้องครอบงำ เราก็เคารพ แต่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งผูกพันทุกองค์กร เคยวินิจฉัยว่าถือหุ้นเพียง 1 หุ้นก็ผิด นี่คือสิ่งที่เป็นความขัดกันของ 2 ศาล ถ้าท่านลักทรัพย์ เอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นถือร่วมอยู่ด้วยโดยทุจริต ท่านผิดฐานลักทรัพย์ แต่กรณีที่หญิงต้องไปลักของในห้างเพื่อลูก ลักนมผิดแต่ศาลใช้ดุลพินิจที่จะลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ เหมือนกันในเมื่อกฎหมายบอกว่าถือหุ้นสื่อแล้วผิด ข้อเท็จจริงว่าผิด ก็ต้องพิพากษาว่าผิด แต่จะใช้ดุลพินิจเรื่องโทษอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ปฏิบัติตามกฎหมายสบายใจ

แสวง บุญมี
เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง

วันนี้จะมาเป็นจำเลย แต่ผมเองก็ยินดีมาร่วมอภิปราย คำถามว่า กกต.มีไว้ทำไม นั้นได้ฟังมาตั้งแต่ปี 2562 เข้าใจว่าเป็นคำถามที่ไม่ใช่ต้องการคำตอบว่า กกต.ทำอะไรบ้าง แต่เป็นคำถามที่แสดงความรู้สึกผิดหวัง ไม่ชอบใจ กกต. ที่ผ่านมา กกต.ไม่ค่อยมีเวทีอธิบาย และในการเลือกตั้งปี 2566 ก็ยังมีคำถามลักษณะนี้ทั้งก่อนเลือกตั้งและหลังการเลือกตั้ง สำหรับหน้าที่ กกต.นั้น อันดับแรกเลยคือทำให้การเลือกตั้งสุจริต ยุติธรรม 2.ให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ เพื่อทำให้บ้านเมืองดี การเมืองดี อย่างไรก็ตาม กกต.ทำเพียงคนเดียวไม่สำเร็จหากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกคน

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าส่วนตัวรู้สึกพอใจระดับหนึ่ง แม้จะมีปัญหาระหว่างทางเกิดขึ้นบ้าง โดยดูจากการมาใช้สิทธิของประชาชนที่ถือว่ามีผู้มาใช้สิทธิมากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา มีผู้มาใช้สิทธิถึงร้อยละ 75 ถือว่ามากกว่าบางประเทศด้วยซ้ำ ขณะที่คุณภาพของการใช้สิทธิถ้าดูจากเรื่องร้องเรียนก็พบว่าครั้งนี้มีเรื่องร้องเรียนน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมาที่มีเป็น 1,000 เรื่อง แต่ในครั้งนี้พบว่าหลายจังหวัดไม่มีเรื่องร้องเรียน

คุณภาพของคะแนนที่ได้มา หรือคุณภาพคนมาใช้สิทธินั้น น่าจะเป็นโจทย์ใหม่ของประเทศเรา มีปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ออกมาเพื่อแก้ตรงนี้ ระยะสั้นคือการปราบปรามให้ใบเหลือง ใบแดง แต่ระยะยาวคือการให้ความรู้ที่ถูกต้องในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในการเลือกตั้ง 2566 จะเห็นพัฒนาการอย่างมีนัยสำคัญ วิธีการลงคะแนนของคนมีการเปลี่ยนแปลงไป มีการเลือกการเมืองตามอุดมคติ และเลือกจากนโยบาย โดยเฉพาะประชานิยม ส่วนจะดีไม่ดีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จึงทำให้เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อสิทธิขายเสียงจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วซึ่งมีร้องเรียนเข้ามานับพันเรื่อง แต่ทุกวันนี้บางจังหวัดไม่มีเรื่องร้องเรียนเลย ทั้งๆ ที่เป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันรุนแรง จึงคิดว่านี่เป็นสัญญาณบวกที่ดีในการพัฒนาการเมือง

โจทย์หลักที่ถือเป็นวาระแห่งชาติคือการเปลี่ยนวิธีคิดของคน เพื่อทำให้คนทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัยอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขถ้าการเมืองดี ซึ่งบทบาทของ กกต.เป็นเพียงแค่หน่วยงานในการเลือกตั้ง ต้องหาวิธีในการทำให้เกิดพื้นที่ที่คนสามารถอยู่ร่วมกันได้แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกัน เพราะหลักประชาธิปไตยต้องพูดด้วยหลักเหตุและผล นี่ก็คือหน้าที่ของสำนักงาน กกต.ที่ต้องร่วมกับเครือข่ายที่จะทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีคุณภาพ

ผมเป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง เป็นคนแรกที่จะมีหน้าที่พิจารณาเสนอให้ยุบพรรค ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ คนร้องยุบพรรคมา 135 เรื่อง ยกคำร้องไป 111 เรื่อง พรรคที่ 1 ยกไป 40 เรื่อง พรรคที่ 2 ยกมา 19 เรื่อง นี่คือความยุติธรรมเราทำตามหลักกฎหมาย แต่ฝ่ายการเมืองเอาไปพูดว่า จะมีการยุบพรรคเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะเราพิจารณาตามกฎหมายและข้อเท็จจริง เรายกไปแล้ว 111 เรื่องที่มีการร้องพรรคใหญ่ๆ พรรคดังๆ ซึ่ง กกต.ยกคำร้องไป 10 คำร้อง ตนก็โดน 10 คดี กกต.ไม่ได้มีหน้าที่ทำเกินกว่ากฎหมาย การที่เราทำตามกฎหมายแต่ไม่ได้ผลตามที่ต้องการก็จะถูกคำถามว่าทำไมไม่ทำแบบนั้น ไม่ทำแบบนี้ ดังนั้น ยืนยันว่าเราทำตามกฎหมาย แต่ถ้าเราทำผิดกฎหมายเราจะโดนมาตรา 157

กกต.รับมือกรณีเฟคนิวส์ได้ไม่ดี ซึ่ง กกต.ในฐานะคนเป็นกรรมการ ได้มอบสำนักงาน กกต.ให้ไปดำเนินการให้ชาวบ้านรู้กติกาเท่ากับ กกต. อย่างน้อยก็ใช้กติกาในการตัดสิน เพราะ กกต.เดินบนกฎหมาย มีคนได้คนเสีย หากกฎหมายไม่ดีให้ไปแก้กฎหมาย และหาก กกต.ปฏิบัติเกินกฎหมายหรือน้อยกฎหมายก็ติดคุก

⦁การทำงานของ กกต.มีข้อครหาการกลั่นแกล้ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ทั้งที่ได้รับเลือกตั้งมาด้วยคะแนนอันดับหนึ่ง

อันดับแรก ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย อย่างที่สองคือ การเลือกตั้งคือความชอบธรรมที่จะมาบริหารประเทศ แต่ไม่ได้บอกว่า คนเลือกตั้งจะไม่มีความผิด หรือทำอะไรก็จะได้รับการยกเว้น ไม่ได้บอกว่าคนชนะเลือกตั้งจะทำอะไรก็ได้ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ส่วนกรณีการถือหุ้นสื่อที่เป็นลักษณะต้องห้าม มี 2 องค์ประกอบ คือ การเป็นเจ้าของ หรือการเป็นผู้ถือหุ้น แล้วเป็นสื่อมวลชนประเภทใด คนตัดสินก่อนเลือกตั้งคือศาลฎีกา หลังการเลือกตั้งคือศาลรัฐธรรมนูญ ส่วน กกต.ไม่ใช่คนตัดสินเรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม เป็นเรื่องประจำตัว ที่มีเอกสารยืนยันอยู่แล้ว หากผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งตรวจเจอก่อนก็ส่งเรื่องได้เลย หากเป็นแบบบัญชีรายชื่อ กกต.ก็เป็นคนส่ง ส่วนถ้าพบหลังการเลือกตั้ง คนส่งคือ ส.ส. หรือ ส.ว. หรือ กกต. แล้วแต่โครงสร้างของเรื่อง

สำหรับแนวทางการปรับ ข้อเท็จจริงที่ใช้วินิจฉัยเรื่องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวางไว้ว่า 1.เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น 2.เป็นกิจการหนังสือ หรือสื่อมวลชนใด 3.คือประกอบกิจการหรือไม่ และ 4.คือเลิกกิจการไปแล้วหรือเปล่า ซึ่งเมื่อดูข้อเท็จจริงที่ผ่านมาเราจะเห็นข้อเท็จจริง 3 ประการคือลักษณะแรกตรงตามตัวหนังสือคือเป็นผู้ถือหุ้นสถานีโทรทัศน์ ซึ่งเข้าองค์ประกอบทั้ง 4 เรื่อง แต่พอมาเรื่องลักษณะข้อเท็จจริงที่ 2 คือไม่ได้เป็นสื่อ แต่ในหนังสือบริคณห์สนธิเขียนว่ามีวัตถุประสงค์ในการทำสื่อ เรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็จะฟังและวินิจฉัยว่าเข้าองค์ประกอบทั้ง 4 เรื่องหรือไม่ ศาลให้ไปดูที่การประกอบกิจการว่า บริษัทนี้ถึงวางเสาไฟฟ้า ขายของ แต่มีวัตถุประสงค์ในการทำสื่อ ก็จะดูเพื่อให้รู้ว่ามีรายได้จากสื่อ แล้วศาลไม่ได้ระบุว่าหรือไม่เป็นช่วงของการรับสมัครหรือไม่ แต่จะดูแค่ว่าประกอบกิจการหรือไม่ มีรายได้จากสื่อหรือไม่ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นที่มีลักษณะข้อเท็จจริงที่ศาลรัฐธรรมนูญวางไว้ ถ้าไม่เคยประกอบกิจการสื่อเลย ศาลก็ไม่ถือว่าเป็นสื่อ ลักษณะอย่างนี้เป็นเกือบ 100 เรื่อง ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ซึ่งศาลยกคำร้อง

กกต.จึงนำแนววินิจฉัยนี้มาใช้ว่าไม่ประกอบกิจการสื่อเลยนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ไม่เคยมีรายได้จากตรงนี้เลย คือบริษัทไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น แต่หนังสือบริคณห์สนธิมีวัตถุประสงค์ว่าทำสื่อ มาลักษณะข้อเท็จจริงประการที่ 3 เป็นสื่อ ประกอบกิจการหรือไม่ ก็พบว่าตั้งแต่ต้น แต่ว่าหยุด ไม่ดำเนินการเพราะมีข้อพิพาทให้หยุด แต่ยังไม่เลิกกิจการ ดังนั้น ข้อเท็จจริงจะต่างกันอยู่ 3 อย่างจากเคยก่อนหน้านี้ ซึ่งยังไม่เคยมีแนววินิจฉัยมาก่อน แต่เมื่อมีปัญหา กกต.ใช่ไม่ใช่คนวินิจฉัย กกต.เป็นคนส่งเรื่อง

ถ้าถามว่าทำไม กกต.ตรวจไม่เจอ ก็ต้องขอชี้แจงว่า กกต.จะมีการขอข้อมูลด้านต่างๆ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 26 หน่วยงาน เมื่อส่งมาว่าไม่พบข้อมูล กกต.ก็จะไม่ทราบ กฎหมายจึงมีการเขียนไว้ด้วยว่า รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิก็ยังไปสมัคร บางครั้งกฎหมายก็เขียนให้พรรคการเมืองและผู้สมัครรับรองตัวเองด้วย ดังนั้น เมื่อหน่วยงานที่ตรวจสอบแจ้งมาว่าไม่มีรายการตามนี้ไม่ว่าจะปี 2562 และ 2566 แต่มีคนมาร้อง กกต.ก็ดำเนินการตามกระบวนการ พิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ต่างกันอยู่ 3 ข้อดังกล่าว แล้วยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่มีใครมาแทรกแซงได้ เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้ว

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย
สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมมีความสำคัญมาก จะต้องยึดเจตจำนงของประชาชนและเปิดโอกาสในการแข่งขันในสนามเลือกตั้งได้อย่างเสรีควบคู่กับความเป็นธรรม กฎหมายเลือกตั้งส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ความเสมอภาคระหว่างผู้เข้าแข่งขัน ทั้งนี้ มองว่าการมีกระบวนการควบคุมกำกับมากเกินไปจะทำให้การเลือกตั้งขาดความเสรี ทำให้เกิดข้อจำกัดและถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือการเมือง ซึ่ง กกต.ในฐานะคนตัดสินต้องยึดหลักให้ดีเพื่อตอบโจทย์คนในสังคม

ดังนั้น การมี กกต.และองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ต่อการพัฒนาการเมือง คือเสถียรภาพทางการเมือง การเมืองต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่ครรลองของประชาธิปไตย ส่วนบทบาทของ กกต.กับการสร้างความสมดุลในระบอบประชาธิปไตยว่า กกต. จะต้องไม่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ล้าหลัง และทำให้การเลือกตั้งตอบโจทย์ โดยจะต้องปรับตัว ไม่ถอยหลังไปสู่ยุคเก่า เกิดคำถาม กกต.มีไว้ทำไม แต่ต้องถามคำถามว่า กกต.วันนี้จะทำอะไรให้กับสังคมส่วนตัวอยากเห็น กกต.ลดความเป็นองค์กรภาครัฐ เพิ่มความเป็นองค์กรภาคสังคม และเป็น กกต.ของประชาชน

ทั้งนี้ การเลือกตั้ง 2566 มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากที่สุดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้ง ภาพการออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่สูงมากขนาดนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เห็นได้จากทิศทางการเลือกตั้งหลังปี 2540 แนวโน้มการเลือกตั้งสูงขึ้นตลอด ไม่มีลดลงเลย กระทั่งการเลือกตั้งปี 2566 เป็นฐานมาจากเรื่องการแบ่งขั้วทางการเมือง ตลอดระยะเวลา 20 ปี การเลือกตั้งแต่ละครั้งไม่ได้เกิดขึ้นอย่างลอยๆ มันจะมีฐานที่จะขับเคลื่อนการเลือกตั้ง โดย กกต.เป็นกลไกบริหารจัดการเลือกตั้ง ตรวจสอบการเลือกตั้ง จึงเป็นความคาดหวังของสังคมเช่นเดียวกัน