เล็งสัญญาณการเมือง ‘ทักษิณ’บินกลับไทย
หมายเหตุ – ความเห็นนักวิชาการกรณีทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ จะส่งสัญญาณทางการเมืองอย่างไร
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย
คณบดีสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
การกลับมาของคุณทักษิณ ชินวัตร ผมให้น้ำหนัก 50-50 เพราะว่าก่อนหน้านี้คุณทักษิณก็เคยประกาศมาระยะหนึ่งแล้ว หลายครั้งก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น ก็คือมีการเลื่อน จึงต้องบอกว่าไม่ได้เหนือความคาดหมายอะไรเลย เพราะสัปดาห์ที่แล้วผมไปออกรายการหนึ่งมา เคยบอกแล้วว่า การโหวตนายกฯในครั้งนี้เป็นไปได้ที่วันที่ 21-22 สิงหาคม จะมีข่าวคุณทักษิณกลับบ้าน แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ
การที่คุณทักษิณประกาศกลับบ้านในครั้งนี้ ผมคิดว่าก็อาจจะเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองท่ามกลางสถานการณ์ที่พรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญวิกฤต ในเรื่องของความเชื่อมั่น และความเชื่อถือต่างๆ อีกทั้งก็กลัวแคนดิเดตนายกฯ นั่นคือ เศรษฐา ทวีสิน ที่กำลังเผชิญวิกฤต จากที่ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาพูดอะไรต่างๆ อยู่เช่นเดียวกัน ฉะนั้นการกลับมาก็เป็นยุทธศาสตร์สำหรับเรียกความเชื่อถือของคนในพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน ก็เรียกความเชื่อถือของบรรดาผู้สนับสนุนพรรค แฟนคลับทั้งหลาย เพราะผู้สนับสนุนหลายคนก็เปลี่ยนไปสู่การไม่สนับสนุนแล้ว หรือหลายคนก็ลาออกจากพรรค และเป็นการส่งสัญญาณไปถึง ส.ส.พรรคขั้ว 188 เสียง พร้อมส่งสัญญาณไปถึง ส.ว.ด้วย ฉะนั้น จึงต้องบอกว่าการกลับบ้านของคุณทักษิณ 50-50 ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่
ถ้าเราย้อนไปดูช่วงเวลาที่คุณทักษิณประกาศกลับถึงเมืองไทย 09.00 น. ในเวลานั้นเรายังไม่ได้นายกฯ เรายังไม่ได้โหวตกันเลย เพราะการจะโหวตจะเกิดขึ้นช่วงเวลา 15.00 น. ดังนั้นกระบวนการในการได้รัฐบาลยังไม่เกิดขึ้น ถ้าเข้ามาแล้ว แต่สุดท้ายผลการโหวตในสภาไม่เกิดขึ้นตามที่พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์ เช่น อาจจะมีการเปลี่ยนโผกลางอากาศ ก็สามารถเกิดขึ้นได้หมด ซึ่งผมคิดว่ามันมีความเสี่ยงต่อตัวคุณทักษิณเองด้วย
ขณะเดียวกัน เป้าหมายหลักในการประกาศกลับมาครั้งนี้ ผมคิดว่ามันเป็นการส่งสัญญาณไปถึงผู้คนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย เพื่อที่จะทำให้คนในพรรคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่งสัญญาณไปถึงฐานคนสนับสนุนว่าพรรคเพื่อไทยเองก็ยังสู้อยู่ และรวมทั้งการส่งสัญญาณถึงบรรดา ส.ส.ในพรรคร่วมของเพื่อไทย และ ส.ว. ซึ่งผมคิดว่าการส่งสัญญาณนี้ไปถึง ส.ว.ไม่ได้มีสัญญาณบวกเพียงแค่ด้านเดียว แต่อาจจะมีผลลบได้เช่นเดียวกัน
ส่วนการที่จะกลับมาเรียกความเชื่อถือจากฐานผู้สนับสนุน เรื่องความนิยมก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งด้วย เพราะอย่าลืมว่าคุณทักษิณ คือผู้นำทางจิตวิญญาณ ที่คนในพรรคเพื่อไทยก็คาดหวังว่าจะสามารถแก้วิกฤตของพรรค คุณทักษิณอาจจะมีส่วนช่วยได้ แต่ ณ วันนี้ผมไม่มั่นใจว่าจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด อย่าลืมว่าสถานการณ์ตอนนี้ ไม่เหมือนกันกับในอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่มนต์ขลังพี่โทนี่อาจจะยังมีอยู่ แต่ตอนนี้ต้องมารอดูว่ามนต์ขลังพี่โทนี่จะยังมีเหมือนเดิมอยู่หรือไม่ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่ได้สามารถผูกขาดหีบบัตรเลือกตั้งเหมือนในอดีตได้อีกต่อไป ก็อาจจะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ประสบความสำเร็จในการใช้ยุทธศาสตร์ที่จะให้คุณทักษิณได้กลับบ้าน
ด้านการส่งสัญญาณที่จะสื่อถึงความปรองดอง มีมาตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วแล้ว จากการที่ดึงเอาบรรดาพรรคต่างๆ มารวมกัน แต่ในแง่ของสัญญาณตรงนี้ จะสามารถทำให้บรรลุจริงได้หรือไม่ ผมก็คิดว่ายังคงมีอีกหลายปัจจัย หลายเงื่อนไข ซึ่งการที่คุณทักษิณจะกลับมาไม่ได้ง่ายขนาดนั้น จากการที่มีการบอกว่าจะกลับบ้านในช่วงเช้า ก่อนที่จะมีการโหวตนายกฯ อย่างน้อยก็ต้องมีความชัดเจนแล้วว่านายกฯต้องมาจากพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทยจัดตั้งสำเร็จ จึงจะมีโอกาสที่คุณทักษิณกลับบ้านได้
ทั้งนี้ การกลับมาครั้งนี้ ที่แน่ๆ เกี่ยวข้องกับการเมืองแน่นอน ไม่ได้เป็นแค่เรื่องภายในครอบครัวเท่านั้น เพราะมันเกี่ยวข้องกับจังหวะเวลาในการโหวตนายกรัฐมนตรี การเลือกกลับมาในช่วงที่มีการโหวตนายกฯ มีนัยทางการเมืองอยู่แล้ว เมื่อกลับมาแล้ว ผมคิดว่ายังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเมืองที่เกี่ยวข้อง 4 ปัจจัย คือ 1.ผลการเลือกตั้งของประชาชน เป็นการสะท้อนถึงเจตจำนงของประชาชน 2.การประกาศวางมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไปเกี่ยวข้องกับขั้วอำนาจเดิม 3.คุณทักษิณกลับบ้าน นี่คือโจทย์ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย มุ่งหวังให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ต้องได้เก้าอี้นายกฯ หรืออย่างน้อยเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล 4.การเมืองแบบมวลชน เมื่อจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ ความหวังของมวลชนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ถ้าไม่ไปด้วยกัน มันก็อาจจะเกิดเรื่องของการชุมนุม หรืออาจเกิดการประท้วงที่นำไปสู่ความรุนแรงได้
ตรงนี้ทำให้เราเห็นได้ว่า การกลับบ้านของคุณทักษิณ เป็น 1 ใน 4 ปัจจัยหลักในการที่จะขับเคลื่อนการเมืองเพื่อการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ เพราะฉะนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่เพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ก็เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ด้วย
ถ้าให้คาดการณ์บรรยากาศวันที่คุณทักษิณกลับมาถึงไทย คงจะมีกระบวนการของเจ้าหน้าที่รัฐรอดำเนินการ เช่น การควบคุมตัว การพาไปที่ศาล และการพาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีขั้นที่เจ้าหน้าที่ต้องคอยดูแล ฉะนั้น ผู้ชุมนุมคงไม่สามารถเข้าถึงตัวได้ โดยเฉพาะถ้าหากเป็นสนามบิน มีการรักษาความปลอดภัยสูง คงไม่ถึงขั้นมีม็อบ แต่ว่าหลังจากนั้นหากคุณทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วมีโอกาสได้ออกมาสู่สังคม เช่น ได้ประกันตัว หรือออกมาอยู่นอกที่คุมขัง สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดการเคลื่อนไหวตามมาได้ แต่วันที่คุณทักษิณกลับมาผมคิดว่าน่าจะไม่มีภาพความวุ่นวายอย่างนั้นทันที
ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
กระแสข่าวอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โพสต์ข้อความ ทักษิณ ชินวัตร จะกลับประเทศไทยวันที่ 22 สิงหาคม การสื่อสารแบบนี้มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ เพราะพูดมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งที่ผ่านมาดีลล่มทุกครั้ง ความเห็นของผมในครั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่ทักษิณจะกลับประเทศไทย เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว การต่อรองของทักษิณ ถ้าหลุดโอกาสนี้ไปแล้วจะไม่ได้กลับประเทศไทยตลอดชีวิต คิดว่าเป็นการดีลกันครั้งสุดท้ายแล้วน่าจะตกผลึก
มีความเป็นไปได้ที่ทักษิณเอาตัวเองมาเป็นตัวประกันทางการเมืองและถูกจำคุกก่อน เพื่อจะให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะอุ๊งอิ๊งมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ขั้วอำนาจเก่าสบายใจ ยอมให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล แล้วจับตัว ทักษิณอยู่ในคุก จะทำให้อุ๊งอิ๊งตัดสินใจทางการเมืองได้ยากขึ้น เพราะพ่ออยู่ในคุก ในกรณีที่ไม่มีการหักหลังกันทางการเมือง
หรืออาจจะมีการหักหลังอีกรอบก็ได้ หลังจากทักษิณกลับมาจะส่งผลให้ติดคุกยาวเลย และตัวนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ได้เลย ดูจากท่าที ส.ว.ในการโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มีเงื่อนไขหมดเลย มองแล้วจะปูทางไปที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องวัดที่ตัวนายกรัฐมนตรีจริงๆ หากหักหลังกันจะเป็นจุดจบของพรรคเพื่อไทย ตระกูลชินวัตรและคนเสื้อแดง ทำให้ขั้วอำนาจเก่าชนะ 100 เปอร์เซ็นต์
การที่ผมมองว่าอุ๊งอิ๊งจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่านายเศรษฐา ทวีสิน ได้ประกาศว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็ตาม แต่จะเป็นตัวหลอก เพราะดูแล้วพรรคเพื่อไทยไม่ได้สนับสนุนเต็มที่ ประกอบกับถูกสังคมเปิดโปง และนายเศรษฐาตอบไม่เคลียร์ โดยเฉพาะในเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมค่อนข้างสูงในด้านความเสียหาย คิดว่ายากจะได้รับโหวตเป็นนายกฯ ประกอบกับท่าทีของ ส.ว.ที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับนายเศรษฐา ยังมีการปูทางไปยังอุ๊งอิ๊งอีกด้วย หากไม่มีการหักหลังกัน อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนทักษิณอยู่ในคุกทำให้กลุ่มอำนาจเก่าสามารถควบคุมสภาพอำนาจได้ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม
ส่วนความวุ่นวายจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น หากทักษิณกลับประเทศ ผมคิดว่าไม่วุ่น เพราะมวลชนคนเสื้อแดงไม่มีเอกภาพ หลังจากการที่พรรคเพื่อไทยข้ามขั้ว ทำให้มวลชนเพื่อไทยแตกกันเอง ไม่มีเอกภาพเหมือนเดิม
คิดว่าการกลับมาของทักษิณ แม้ว่าจะมองว่าไม่มีความมั่นใจ แต่ไม่มีทางเลือกในการต่อรอง ต้องกลับมาเป็นตัวประกัน แม้พรรคเพื่อไทยได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้จริงก็ตาม หากทักษิณอยู่ต่างประเทศอาจจะมีฤทธิ์เดช ยังสามารถบงการทางการเมืองได้ แต่ถ้าอยู่ในคุกคงยาก และการกลับมาครั้งนี้ คิดว่าน่าจะมีการเจรจาที่ลงตัวแล้ว นอกเสียจากโดนหักหลัง ลูกก็ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีใครได้อะไรเลย แล้วการโหวตนายกรัฐมนตรีไหลมาที่ พล.อ.ประวิตร ทั้งหมด จะทำให้ทักษิณติดคุกฟรี
ส่วนวันเดินทางกลับมา 22 สิงหาคมนี้ ตรงกับวันที่ที่ประชุมรัฐสภาจะมีการโหวตเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เสนอโดยพรรคเพื่อไทยนั้น ผมคิดว่าเป็นการเมืองเชิงสัญลักษณ์ ถ้าแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทักษิณติดคุก ดูเหมือนว่าจะชนะแต่ไม่ชนะ นี่คือการเมืองเชิงสัญลักษณ์ กรณีถามว่าหากพรรคเพื่อไทยขอโหวตนายกรัฐมนตรีก่อน หลังจากทักษิณเข้าประเทศไทย ในความเป็นจริงควรจะเป็นอย่างนั้น แต่ครั้งนี้เหมือนกับการแลกกัน ดูจากอุ๊งอิ๊งโพสต์ในโซเชียลคือ อะไรจะเกิดก็จะต้องเกิด เป็นการวัดใจกัน และเทหน้าตัก ถ้าพลาด ทักษิณติดคุกเลย หากอ่านเกมจะเห็นว่าทักษิณไม่มีทางเลือก นี่คือทางเลือกสุดท้าย
กรณีโผ ครม.ที่จะตั้งรัฐมนตรีออกมาตามกระแสโซเชียลทุกกระทรวง ผมมองว่าเป็นโผหลอก ทำให้เห็นว่าสุดท้ายพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นพรรคการเมืองที่มีนโยบายก้าวหน้าแต่เป็นนักธุรกิจการเมือง ที่ผ่านมาก็หลอกพี่น้องเสื้อแดงเป็นทางผ่านทางการเมือง สุดท้ายเป็นพรรคที่กระหายอำนาจ และยังต้องการตบหน้าพรรคการเมืองที่หลอกประชาชน สุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยทำธุรกิจการเมืองแบบปกติ ไม่มีอะไรซับซ้อนหวังตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม บางส่วนของโผ ครม.ที่ออกมาอาจมีโอกาสเป็นไปได้ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กับกระทรวงกลาโหม ทำให้เห็นว่าอำนาจจริงๆ ของพรรคเพื่อไทยไม่มี แต่อำนาจของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ตำแหน่งสำคัญๆ ใน ครม.แทบทั้งหมด เห็นความสัมพันธ์ทางการเมืองโดยเฉพาะกลุ่มขั้วอำนาจเก่าได้เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอแทบทั้งหมด มองว่าพรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะแพ้ในเกม และยังมองได้ว่าพรรคเพื่อไทยทำงานการเมืองมากว่า 20 ปีเป็นการหลอกทั้งนั้น
การที่แกนนำสำคัญๆ ของพรรคการเมืองไม่ได้อยู่ในโผ ครม.ที่แพร่ในโลกโซเชียล มองว่าเขาเหล่านั้นไม่มีอำนาจในการต่อรอง ที่สำคัญไม่ได้เป็นผู้จ่าย ไม่ได้เป็นเจ้าของเงิน จึงไม่มีสิทธิที่จะนั่งบนโต๊ะอาหารแห่งอำนาจ นอกจากได้กินเพียงเศษเนื้อเศษกระดูกที่คนบนโต๊ะโยนให้
การโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคม ผมคิดว่าจะจบที่อุ๊งอิ๊ง แต่ไม่จบที่นายเศรษฐากรณีไม่หักหลังกัน ถ้าหักหลังจะเป็นการปิดฉากพรรคเพื่อไทย ทักษิณ และคนเสื้อแดง เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะยอมทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นคงไม่จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วแบบนี้ หวังสร้างผลงานหลังการจัดตั้งรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยจะรุ่งเรืองเหมือนเดิมคงยาก สังคมรู้ธาตุแท้ทั้งหมดแล้ว