พท.สุดโล่ง!! ‘วราวุธ’ ลั่นร่วมเรือลำเดียวกัน ‘ไผ่’ ให้ 40 เสียง-เซ็นเช็คเปล่า ‘เอกนัฏ’ ย้ำเงื่อนไขเข้าร่วม ไม่แก้ ม.112
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) จัดตั้งรัฐบาลผสมโดยรวมเสียงจากพรรครัฐบาลเดิมเข้าร่วมจัดตั้ง โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้กล่าวกรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 สิงหาคมนี้ว่า การโหวตถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. ไม่สามารถเป็นมติพรรคได้
จากการพูดคุยกับพรรค พท.ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นพ้องต้องกันว่าทำงานร่วมกัน พรรค ชทพ. 10 เสียง จะสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯจากพรรค พท. ขณะนี้มั่นใจว่าเสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคเพียงพอ ตามที่พรรค พท.ให้ข่าวไว้ จับมือกันแล้ว ลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องไปในทางที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
ด้าน นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ยังคงยืนยัน 40 ส.ส.พรรค พปชร. จะโหวตให้นายกฯพรรค พท. และยืนยันเหมือนเดิมคือไม่มีเงื่อนไข รวมถึงต้องพูดกันตรงๆ ขณะนี้ผู้ใหญ่พรรค พปชร.ได้พูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่พรรค พท.บ้างแล้ว เร็วๆ นี้คงมีความชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ยังไม่ประกาศร่วมรัฐบาลเป็นทางการ ส่วนหนึ่งเพราะโควต้ารัฐมนตรียังไม่ชัดเจนด้วยหรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า คงไม่ใช่พรรค พปชร.จะไปต่อรองโควต้ารัฐมนตรีหรืออะไร เพราะได้พูดหลักการไปแล้ว โหวตนายกฯโดยไม่มีเงื่อนไข ได้เซ็นเช็คเปล่าไปเรียบร้อยแล้ว การที่จะมาต่อรองทีหลังคงไม่มีใครทำกันอยากจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว
เมื่อถามยํ้าว่า เวลานี้ยังยืนยัน 40 ส.ส.พรรค พปชร.โหวตให้นายเศรษฐาใช่หรือไม่ นายไผ่กล่าวว่า เวลานี้คงต้องเป็นอย่างนั้น ส.ว.เองคงต้องการความชัดเจน ต้องรอดูฝีมือพรรค พท.
ขณะที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กแจงเหตุผลการเข้าร่วมรัฐบาล ระบุว่า “ถึงสมาชิก และผู้สนับสนุนพรรค รทสช.ทุกท่านครับ ก่อนอื่นผมขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ ความคิดเห็น ทุกเสียงสะท้อน ขอน้อมรับฟัง ทุกคำติชม คำแนะนำ หรือแม้แต่การระบายออกจากใจของทุกท่านครับ ยอมรับว่าการตัดสินใจที่จะร่วมทำงานเป็นรัฐบาล เป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่ายเลย ด้วยผลเลือกตั้งที่ออกมา พรรคมีจำนวน ส.ส.ในสภา 36 ที่นั่ง ต้องคิดไตร่ตรองชั่งน้ำหนักผลลัพธ์ของทางเลือกต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุดบนความเป็นไปได้
“วันนี้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ การแก้ไขปัญหาของประชาชนนั้นรอไม่ได้ และการเดินหน้าทำงานร่วมกันเป็นรัฐบาล ก็มีเงื่อนไขอยู่บนหลักการที่พรรคยึดมั่น เป็นไปตามแนวทางที่เคยได้ประกาศไว้ จุดยืนเรื่องมาตรา 112 ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ และเมื่อพรรค พท.ได้ประกาศชัดว่าจะไม่แก้ไขมาตรา 112 และจะไม่ร่วมกับพรรคที่ประกาศแก้มาตรา 112 เป็นอันขาด ก็ต้องนับว่าพรรค พท.เป็นแนวร่วมสำคัญที่จะต้องรวมกันปักหลัก สู้กันต่อไปในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ สำหรับพรรค รทสช.จะต้องไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 ส่วนการแก้ไขในประเด็นอื่นๆ นั้น ไม่ได้มีข้อตกลงที่ผูกมัดว่าจะต้องร่วมด้วย”