09.00 INDEX สัญญาณเตือน ส่งถึง เพื่อไทย สัญญา ประชาคม รัฐธรรมนูญ
หากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คือสัญญาณเตือนต่อการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล สัญญาณที่กำลังเตือนพรรค
อย่างเด่นชัดคือห้ามแตะ “รัฐธรรมนูญ”
นี่มิได้เป็นการเตือนพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา
หากเตือนตรงไปยังพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน
เพราะว่าคำมั่นอันเหมือนกับเป็น “สัญญาประชาคม” ซึ่งออกมาจากพรรคเพื่อไทย ทันทีที่ได้เป็นรัฐบาลก็คือ การเสนอเป็นมติครม. มติแรก คือ การทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
เราจึงได้พบกับแถลงการณ์จากพรรคไทยภักดี เตือนพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติ ไทยพัฒนา ให้ทบทวนกับยกมือให้พรรคเพื่อไทย
จากนั้นจึงมีความกระจ่างจากภายใน 250 ส.ว.ออกมาอย่างเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเพื่อ “ต่อต้าน” นั่นก็คือ มองว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ร้ายแรงยิ่งกว่ามาตรา 112
เท่ากับชี้ให้เห็นว่ากรณีของ “รัฐธรรมนูญ” จะกลายเป็นเรื่องเดียวกันกับกรณีของ “มาตรา 112”
เพียงแต่คราวนี้พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องสังวรและรับฟัง
คอการเมืองที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ย่อมไม่พลาดที่จะได้เห็นปฎิบัติ การอย่างเปิดเผยในทางการเมืองในโลกโซเชียล
เริ่มจากแบนเนอร์ที่ว่า “สสร.เลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการเสียงข้างมาก”
ประสานเข้ากับการเผยแพร่เนื้อความที่โปรยหัว “ช่วยกันส่งเสียงไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญปี 60” แจกแจกถึงเป้าหมายอันเร้นลับในการแก้ไขเพิ่มเติม
จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยประโยคเฉียบขาดยิ่งที่ว่า “เพราะคิดจะโกงจึงคิดจะแก้ นักการเมืองดีจะไม่เดือดร้อนเพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้”
สอดรับกับ# รัฐบาลสลายขั้วหรือรัฐบาบแบ่งเค้ก สสร.ล้มรัฐบาล ร้ายแรงกว่าแก้ไขม.112 พรรคร่วมรัฐบาลแสร้งมองไม่เห็น
เด่นชัดยิ่งว่าสัญญาณ “เตือน” ในห้วงแห่งการโหวตเลือก นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีนี้ สอดรับกับ จังหวะก้าวการเคลื่อนไหว
เริ่มจาก “ไทยภักดี” ตามมาด้วยจากภายใน “250 ส.ว.”
ส่งตรงไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งล้วนเคยเป็นกำลังสำคัญ
ในการสืบทอดอำนาจของคสช.
นี่คือรูปธรรมอันทำให้คำประกาศเรื่อง “ประชามติ” จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่กลายเป็นเรื่อง “เทคนิค” มิใช่ “สัญญาประชาคม”