ตั้งกรง ‘ขังทักษิณ’ คปท.แถลงลั่นหน้าหอศิลป์ จี้ไม่ป่วยจริงก็กลับไปนอนคุก กระตุกจุดยืนเศรษฐา

ตั้งกรง ‘ขังทักษิณ’ คปท.แถลงลั่นหน้าหอศิลป์ จี้ไม่ป่วยจริงก็กลับไปนอนคุก-กระตุกจุดยืนเศรษฐา

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) รณรงค์แจกสติ๊กเกอร์ “นช.ทักษิณต้องติดคุก”

โดยนัดหมายประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ใส่รองเท้าผ้าใบใจถึงๆ มาร่วมกันเรียกร้องให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับโทษจำคุกเหมือนผู้ต้องหาการเมืองทั่วไป

บรรยากาศเวลา 15.30 น. ที่หน้าหอศิลป์ฯ มีการนำกรงขังจำลอง ขนาดประมาณ 2×2 เมตร มาตั้งกลางลานหน้าหอศิลป์ฯ พร้อมห้อยโซ่สีแดงที่หน้าประตูกรงขัง ภายในมีการตั้งสแตนดี้ตัวการ์ตูนนักโท คล้ายกับใบหน้าของนายทักษิณ โดยมี นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกพันธมิตร แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และ นายนัสเซอร์ ยีหมะ หรือ น้านัส คปท. อดีตหัวหน้าการ์ด คปท. เป็นแกนนำจัดเตรียมสถานที่ โดยมีผู้ทยอยมาเข้าร่วมกิจกรรม ส่วนมากเป็นวัยกลางคนและสูงอายุ

ADVERTISMENT

นอกจากนี้ ยังมีการติดป้ายไวนิลขนาดใหญ่หน้ากรงขัง ข้อความว่า “นช.ทักษิณต้องติดคุก ประเทศมีกระบวนการยุติธรรม เรือนจำมีไว้ขังนักโทษ”

ADVERTISMENT

ต่อมาเวลา 16.30 น. ผู้ร่วมกิจกรรมยืนชูป้ายข้อความ อาทิ “หมอต้องช่วยชีวิตคน ไม่ใช่เอาคนผิดออกจากคุก”, “อย่าทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว”, “ไม่ป่วยจริงก็กลับไปนอนคุก”, ติดคุกวันเดียวก็ป่วยทันที”

ก่อนที่นายพิชิตเป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ ท่ามกลางผู้ร่วมกิจกรรมประมาณ 15 คน

สำหรับแถลงการณ์เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) หยุด ทุจริตความยุติธรรม คืนนักโทษสู่เรือนจำโดยเร่งด่วน มีเนื้อหาดังนี้

ภายหลังที่ นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพื่อรับโทษตามที่กฎหมายไทยได้กำหนดไว้ ด้วยความผิดที่เป็นการ ทุจริต คอร์รัปชั่น เอื้อประโยชน์แก่คนใกล้ชิด อันเป็นการคอร์รัปชั่นทางนโยบายที่มีผลเสียหายแก่ประเทศไทย การเดินทางมาเปลี่ยนสถานะ จากผู้ต้องหาเป็นนักโทษที่ต้องถูกกุมขังในราชทัณฑ์หลังจากหลบหนีคดีไปกว่า 15 ปี นั้นย่อมแสดงให้เห็นว่า นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับทราบและยอมรับกระบวนการยุติธรรมและกระบวนการลงโทษตามกฎหมายไทยเป็นอย่างดี

แต่เป็นที่ปรากฏทางสังคมว่า ภายหลังที่เข้าเรือนจำยังไม่ทันข้ามวัน หรือเพียง 13 ชั่วโมง กระบวนการสังคมกับร่วมกันตั้งคำถามว่ามีการเอื้อประโยชน์ หรือสมคบคิดเพื่ออำนวยการมอบสิทธิพิเศษแก่ นช.ทักษิณเพียงคนเดียวหรือไม่

เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) รวมถึงประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นพื้นฐานที่จะทำให้ประชาชนมีความเท่าเทียมกันตามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การทำลายกระบวนการยุติธรรมเพียงเพื่อรับใช้บุคคลเพียงคนเดียวเปรียบเสมือนการทำลายความเท่าเทียมกันของการเป็นมนุษย์ ซึ่งระบบความยุติธรรมควรดำรงไว้เพื่อผดุงมาตรฐาน กฎ กติกาของบ้านเมือง

เราตระหนักถึงการเข้าถึงซึ่งการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เพียงแต่ที่สังคมร่วมกันตั้งคำถามคือว่าอาการป่วยของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ได้ป่วยจริงหรือไม่ และป่วยถึงขนาดต้องได้รับการดูแลด้วยแพทย์เฉพาะทาง หรือเครื่องมือเฉพาะด้านตามที่ราชทัณฑ์ออกมาชี้แจงหรือไม่

เพราะจากการที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว นช.ทักษิณชี้แจงสังคมนั้นเป็นเพียงอาการเพลีย เหนื่อย เครียด ซึ่งเป็นอาการปกติของผู้ต้องขังทั่วไปในระยะแรก ซึ่งเป็นเพียงการปรับตัวให้เคยชินกับการต้องขังเท่านั้น ไม่ใช่การป่วยหนักตามที่พยายามออกมาชี้นำสังคมก่อนหน้านี้

ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จึงขอออกแถลงการณ์ให้สังคมร่วมกันเรียกร้อง ดังนี้

1.ขอเรียกร้องไปยัง กรมราชทัณฑ์ และ โรงพยาบาลตำรวจ ได้คำนึงถึงหลักความยุติธรรมที่จำเป็นต้องปฏิบัติให้เกิดความเท่าเทียมกันทุกคน ผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยก็มีกระบวนการที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีการรักษาที่รองรับไว้อยู่แล้ว การเลือกปฏิบัติที่เอื้ออำนวยแก่ นช.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการเฉพาะทั้งที่สังคมมีคำถามว่าป่วยจริงหรือไม่นั้น เท่ากับเป็นการร่วมกัน “ทุจริตความยุติธรรม” ซึ่งจะมีผลต่อการดำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเคารพแก่ประชาชนไทยทุกคน อธิบดีกรมราชทัณฑ์และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจจำต้องแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวและรีบปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบราชทัณฑ์ ด้วยการคืนนักโทษสู้เรือนจำให้เร็วที่สุด

2.ขอเรียกร้องไปยัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากพรรคเพื่อไทยที่มีความใกล้ชิดและถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะเอื้ออำนวยเป็นกรณีพิเศษแก่ นช.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่นั้น ได้รีบดำเนินการให้มีความชัดเจน และประกาศจุดยืนของรัฐบาลในกรณี นช.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเร่งด่วน เพื่อผดุงความเป็นรัฐที่จำต้องดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เท่าเทียมกันในกฎหมายของประเทศ และความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนไทยทุกคน เพื่อเป็นไปตามที่นายเศรษฐาประกาศว่ารัฐบาลจะเป็นรัฐบาลเพื่อสลายความขัดแย้งและเดินหน้าสู่การปรองดองสมานฉันท์ของคนทั้งประเทศ คปท.เห็นว่าจะเกิดความประดองสมานฉันท์ได้นั้นจะต้องได้รับความเท่าเทียมกันในทางกฎหมาย คนผิดตามคำพิพากษาของศาลจำเป็นต้องได้รับโทษที่เรือนจำเสียก่อน

หากนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ยังนิ่งเฉยก็เท่ากับการหลับตาข้างหนึ่งเพื่อเอื้อประโยชน์แก่นักโทษเพียงคนเดียวซึ่งก็จะนำมาสู่ความขัดแย้งระลอกใหม่ในอนาคต เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็พร้อมจะร่วมกันเดินไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อส่งเสียงดังๆ ถึงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

3.เชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทุกคน ร่วมกันแสดงออกถึงการรณรงค์ให้ความยุติธรรมไทยจำเป็นต้องได้รับการรักษาไว้ให้เท่าเทียม เพื่อส่งเสียงคนไทยให้ดังกระหึ่มทั่วประเทศในการร่วมกัน ส่งนักโทษสู่เรือนจำ

เราจะใส่รองเท้าผ้าใบ เดินร่วมกันด้วยใจที่ถึงๆ เพื่อความยุติธรรม

เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย

31 สิงหาคม 2566
สี่แยกปทุมวัน

บรรยากาศเวลา 17.00 น. ผู้ร่วมกิจกรรมช่วยกันแจกสติ๊กเกอร์ที่มีข้อความว่า “ทักษิณต้องติดคุก” พร้อมเปิดเพลงที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้นายทักษิณติดคุก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image