กกต.กางข้อกฎหมาย ยก 6 หลักเกณฑ์เข้าชื่อเสนอ ครม. ออกเสียงทำประชามติ

แฟ้มภาพ

กกต.กางข้อกฎหมาย ยก 6 หลักเกณฑ์เข้าชื่อเสนอ ครม. ออกเสียงทำประชามติ

เมื่อวันที่ 4 กันยายน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารข่าวเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับ การจัดทำประชามติ เนื้อหาระบุว่า ด้วยพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 มาตรา 9 (5) กำหนดการออกเสียงประชามติกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติ กกต.จึงได้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกรณีดังกล่าว ดังนี้

1.ต้องมีจำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 50,000 คน ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้าม และไม่ถูกจำกัดสิทธิตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564

2.จัดทำหนังสือกรณีประชาชนเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงต้องมีเนื้อหาที่ชัดเจนเพียงพอที่จะเข้าใจได้ว่าประสงค์จะออกเสียงในเรื่องใดและเรื่องนั้นมิใช่เรื่องที่ต้องห้ามมิให้ออกเสียงตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

Advertisement

3.รายชื่อผู้มีสิทธิเข้าชื่อต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับเลขประจำตัวประชาชน ชื่อ ชื่อสกุล และลายมือชื่อของผู้มีสิทธิเข้าชื่อทุกคน พร้อมทั้งจัดทำรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าชื่อในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ใส่แผ่นบันทึกข้อมูล หรืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบพกพา โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับเลขประจำตัวประชาชน ชื่อ ชื่อสกุล ของผู้มีสิทธิเข้าชื่อทุกคน

4.ผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อยื่นเอกสารและข้อมูลด้วยตนเองต่อสำนักงาน กกต.ส่วนกลาง หรือสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด หรือทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือจัดส่งทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ E-mail : [email protected]

5.เมื่อสำนักงาน กกต.ได้รับเอกสารและข้อมูลแล้ว จะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดในหนังสือการเข้าชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงว่าถูกต้องตามแบบที่กำหนดหรือไม่ และตรวจสอบจำนวนผู้มีสิทธิเข้าชื่อว่าครบถ้วนหรือไม่ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับเอกสาร กรณีผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อยื่นเอกสารต่อสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดให้สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดจัดส่งเอกสารและข้อมูลดังกล่าวให้สำนักงาน กกต.กลางดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นภายใน 3 วันนับแต่วันที่ได้รับเอกสารและข้อมูล

Advertisement

หากตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่าถูกต้องครบถ้วนก็จะแจ้งผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อทราบโดยเร็ว และสำนักงาน กกต.จัดส่งเอกสารให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีต่อไป กรณีที่ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้องครบถ้วน จะแจ้งผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อ พร้อมทั้งส่งเรื่องคืนเพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องครบถ้วนและยื่นต่อสำนักงาน กกต.ตามวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อ 4 ภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง แต่หากผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าวให้การเสนอเรื่องการเข้าชื่อเสนอต่อ ครม.เป็นอันยุติในคราวนั้น

6.เมื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับเอกสารและข้อมูลจากสำนักงาน กกต.แล้ว จะพิจารณามอบหมายหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบการเข้าชื่อของผู้มีสิทธิเข้าชื่อว่ามีความถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ โดยอาจขอให้หน่วยงานของรัฐอื่นสนับสนุนและช่วยเหลือในการตรวจสอบได้ โดยในการตรวจสอบการเข้าชื่อ หากตรวจสอบแล้วพบว่าเลขประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อผู้ใดไม่ถูกต้องให้หักออก หากยังมีผู้มีสิทธิเข้าชื่อครบจำนวนตามข้อ 1 จะดำเนินการเสนอรายงานต่อ ครม. ให้หน่วยงานของรัฐจัดทำความเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบในเรื่องที่จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียงต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากผู้มีสิทธิเข้าชื่อไม่ครบจำนวน จะต้องรายงานสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อยุติการเสนอเรื่องต่อ ครม. เพื่อให้ความเห็นชอบในการออกเสียง และแจ้งผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อพร้อมทั้งส่งเรื่องคืนให้ผู้แทนของผู้มีสิทธิเข้าชื่อและแจ้งสำนักงาน กกต.ทราบ ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้มีสิทธิเข้าชื่อได้จากพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 มาตรา 20 มาตรา 21 และมาตรา 24

คลิก เพื่ออ่าน พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 จำนวน 85 มาตรา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image