การออกมายืนยัน “โรดแมป” โดย 1 นายกรัฐมนตรี และ 2 รองนายกรัฐมนตรี
สำคัญ
ไม่ว่าจะมองจากมุมของ “คสช.” ไม่ว่าจะมองจากมุมของ “สนช.”
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมุมของ “กรธ.”
เพราะว่ากระแสที่ว่ากำหนดเวลาของ “โรดแมป” อาจคลาดเคลื่อนและมีความจำเป็นต้อง “เลื่อน” ออกไป ไม่ใช่ปลายปี 2560 หากแต่อาจเป็นกลางปี 2561
มาจาก “สนช.” จำนวน 3 คน
คน 1 เป็นถึงรองประธาน คน 1 เป็นถึงประธานวิป และคน 1 อยู่ในสถานะ “ลากตั้ง” ตั้งแต่รัฐประหาร 2549
ขณะที่คนมา “ตัดบท” ก็ใช่ย่อย
1 เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. 1 เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง 1 เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย
ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มใน “เรือแป๊ะ”
ต้องยอมรับว่า ไม่ว่า “สนช.” ไม่ว่า “กรธ.” ล้วนอยู่ใน “แม่น้ำ 5 สาย” เรียกตามอุปมาของนายวิษณุ เครืองาม
คือ ล้วนอยู่ใน “เรือแป๊ะ”
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามความต้องการของ “แป๊ะ” ซึ่งเป็นเจ้าของเรือทั้งสิ้น
เห็นการคว่ำ “ร่าง” ของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ หรือไม่
เห็นการผ่าน “ร่าง” แก้ไขเพิ่มเติม พรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 อย่างชนิด 3 วาระรวดภายใน 24 ชั่วโมงหรือไม่
เรื่องอย่างนี้หาก “แป๊ะ” ไม่สั่งจะเป็นไปได้หรือ
ต่อกรณี “โรดแมป” ก็เหมือนกัน เมื่อท่าทีของ “แป๊ะ” เด่นชัดอย่างยิ่ง
1 เด่นชัดจากนายกรัฐมนตรี
1 เด่นชัดจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
1 เด่นชัดจากรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย
ย่อมเด่นชัดว่าทุกอย่างย่อมเป็นไปตาม “โรดแมป” ไม่มีเปลี่ยนแปลง
ถามว่าการออกมาของ 3 สนช.ต่อแนวโน้มการเลื่อน “โรดแมป” ให้ทอดยาวออกไปนั้น
เป็นเพราะ “ไม่รู้” หรือเป็นเพราะ “ไร้เดียงสา”
หากดูจากชื่อ ชั้น และการรับใช้ “แป๊ะ” อย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐประหารเดือนกันยายน 2549 กระทั่งรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
อิมพอสสิเบิล เป็นไปไม่ได้
การสำทับไปยัง “ความเห็น” อันมาจาก “สนช.” ส่งผลสะเทือนอย่างแน่นอน เป็นผลสะเทือนไปยัง “กรธ.” อย่างฉับพลันทันใด
ฝนตกบ้านน้อง ฟ้าร้องบ้านพี่