“มท.หนู” ลั่น ถึงเวลาสลายขั้ว-เส้นสาย วัดที่ผลงาน ส่วนเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าไม่เกี่ยวเพราะไม่ได้หาเสียงเอาไว้
‘มท.หนู’ ลั่น ยุคนี้สลายเส้นสาย-สลายขั้ว บอก ไม่มีประโยชน์อะไรกับประชาชน ลั่น ถ้าให้ความเป็นธรรมกับทุกคนได้คำว่าเส้นสายจะไม่เกี่ยวข้อง ตอบปมการเลือกตั้งผู้ว่า ชี้ ไม่ได้เป็นนโยบายในส่วนของตนที่ได้สัญญาหาเสียงไว้กับประชาชน
เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 8 กันยายน ที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังมอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ กรณีที่จากนี้ไปจะไม่มีเรื่องของเส้นสาย รวมทั้งไม่มีการแบ่งแยกในการทำงาน ว่า เป็นสไตล์การทำงานของพวกตนอยู่แล้วโดยเฉพาะตนเอง ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่าถ้าให้ความเป็นธรรมกับทุกคนได้คำว่าเส้นสายจะไม่เกี่ยวข้อง
“ถ้าทุกคนมีผลงาน ใครรักประชาชน ได้รับความชื่นชอบจากประชาชนอย่างไร ก็เข้าตาผู้บริหารและเข้าตารัฐมนตรี” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า จากนี้ต่อไปจะไม่มีคำว่าสิงห์เหลืองสิงห์แดงหรือสิงห์อะไรทั้งสิ้น พิสูจน์ได้ตั้งแต่ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย สมัยผู้เป็นพ่อของตน เราเอาผลงานเป็นที่ตั้ง เรื่องของเส้นสายมันควรจะหมดไปตั้งนานแล้ว ตนเองก็จะพยายามทำงานโดยไม่มีเรื่องการแบ่งพวกแบ่งฝ่าย กระทรวงมหาดไทยต้องเป็นกระทรวงที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน
“คำว่า สี หรือ ขั้วฝ่าย ไม่ได้ช่วยทำให้ประชาชนคลายทุกข์ได้ จิตใจ ความสามารถ ประสบการณ์และความตั้งใจต่างหากที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข คลายความทุกข์ได้ และคนไหนที่ทำได้นั่นแหละจะเข้าตาในการทำงาน” นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า นโยบายเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจะไม่นำมาเป็นนโยบายสำคัญแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้เป็นนโยบายในส่วนของตนที่ให้สัญญาหาเสียงไว้กับประชาชน และที่ตนพูดถึงการปกป้องสถาบันนั้นเป็นความภาคภูมิใจของตนเองที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะให้ท่านถูกลบหลู่ดูหมิ่นไม่ได้ ซึ่งในเรื่องของการศึกษาต้องให้เยาวชนได้มีความภาคภูมิใจในสถาบันหลักของชาติที่มีมาอย่างช้านาน แก้วิกฤตต่าง ๆ ของประเทศไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ในหลักสูตรต่าง ๆ ก็ต้องมีการบรรจุไว้ต่อไป สมัยพวกตนเป็นนักเรียนก็ถูกสั่งสอนและมีความรู้สึกหวงแหน มีความภาคภูมิใจ ดีใจปลื้มใจ ที่เรามีสถาบันอันเป็นที่รักของพวกเรา และตั้งแต่มีการถอดหลักสูตรออกไป ก็จะเห็นได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง คงต้องมีการสังคายนาปลูกฝังค่านิยมที่ดีเหล่านี้ให้มีต่อไป ต้องสร้างความเข้าใจให้กับเด็กและเยาวชน