ดร.พิชาย ชี้ 6 นัยยะ ผลเลือกซ่อมระยอง ตอกย้ำปรากฏการณ์คนตื่นรู้ จนขั้วเก่าตื่นตระหนก 

อาจารย์พิชาย พิชาย ชี้ 6 นัยยะ ผลเลือกซ่อมระยอง ตอกย้ำปรากฏการณ์คนตื่นรู้ จนชนชั้นนำอนุรักษนิยม ตื่นตระหนก 

เมื่อวันที่ 11 กันยายน ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมือง และยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อเขียนวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง โดยระบุว่า ชัยชนะเลือกตั้งซ่อมของพรรคก้าวไกลที่เขต 3 จังหวัดระยองมีนัยสำคัญดังนี้

1.แม้ว่าเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.ระยองมีความเป็นเมืองไม่สูงมากนัก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ตื่นตัวทางการเมืองสูง และสามารถข้ามพ้นการเมืองระบบบ้านใหญ่แบบเก่าได้แล้ว พวกเขากำลังเดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองแบบใหม่ที่เรียกว่า การเมืองแบบพลเมืองตื่นรู้

2.พรรคก้าวไกลสามารถรักษาความนิยมได้อย่างต่อเนื่องทั้งที่เป็นฝ่ายค้านแสดงว่า จุดยืนทางการเมือง อุดมการณ์ของพรรคในภาพรวม และแนวทางการทำงานของพรรคในระดับพื้นที่มีความแข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับของประชาชน และอาจนำไปใช้เป็นตัวแบบในเขตเลือกตั้งที่มีบริบทคล้ายกันได้ในพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศได้

Advertisement

3.การแสดงออกทางการเมืองของประชาชนชาวจังหวัดระยอง เสมือนการยืนยันซ้ำอีกครั้งให้กลุ่มอำนาจชนชั้นนำในเมืองหลวงรับรู้ว่า ประชาชนไม่ยอมรับการใช้อำนาจแบบเดิมอีกต่อไป และเป็นการแสดงออกที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่อื่นๆ จำนวนมากว่า ประชาชนชาวไทยต้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

4.ในอดีตชัยชนะภายใต้บริบทการเลือกตั้งซ่อมเป็นการยากที่พรรคการเมืองแบบใหม่จะเอาชัยชนะเหนือระบบอุปถัมภ์ ระบบบ้านใหญ่ และการใช้อำนาจรัฐได้ พรรคการเมืองแบบใหม่มักเอาชนะได้ในบริบทเลือกตั้งทั่วไปและเป็นเขตที่มีชนชั้นกลางมากและมีความเป็นเมืองสูง แต่ชัยชนะครั้งนี้ได้ทำลายแบบแผนเก่าลงไปได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าแนวทางการเมืองแบบใหม่ได้เป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างกว้างขวาง และมีความเป็นไปได้สูงว่า ความต้องการการเมืองแบบใหม่ของประชาชนกำลังขยายตัวมากขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย

5.มีความเป็นไปได้สูงเช่นกันว่า วิถีของการเมืองแบบใหม่อาจจะแพร่กระจายไปสู่การเมืองท้องถิ่นในระดับจังหวัด อย่างการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่กำลังจะมาถึงในต้นปี 2568 และการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับอื่นๆ ในปีถัดไป รวมทั้งการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2570 ด้วย

Advertisement

6.ปรากฏการณ์นี้ “การเมืองแบบประชาชนตื่นรู้” อาจสร้างความตื่นตระหนกแก่ชนชั้นนำของฝ่ายอนุรักษนิยม และมีความเป็นไปได้ว่า พวกเขาจะใช้กลไกอำนาจรัฐที่พวกเขายังควบคุมได้อยู่ดำเนินการสกัดกั้นการเติบโตของการเมืองแบบใหม่ทุกวิถีทาง ทั้งการทำลายผู้นำ การทำลายภาพลักษณ์ และการยุบพรรค

อย่างไรก็ตาม การทำลายพรรคการเมืองที่เป็นองค์การ หรือทำลายผู้นำที่เป็นตัวบุคคล โดยกลุ่มชนชั้นนำอำนาจนิยม ไม่อาจหยุดยั้งการเติบโตของการเมืองแบบใหม่ได้ เพราะการเมืองแบบใหม่กำลังเป็นฉันทามติร่วมของประชาชนส่วนใหญ่ พรรคและผู้นำพรรคเป็นเพียงภาพสะท้อนของการเป็นตัวแทนของ “ฉันทามติร่วมของประชาชน” เท่านั้น ดังนั้นแม้พรรค และผู้นำจะถูกทำลายก็ไม่สามารถขจัดฉันทามติร่วมแบบใหม่ของประชาชนได้ กลับยิ่งทำให้ฉันทามติร่วมขยายตัวออกไปมากยิ่งขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image