แรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าบุกสภา วอนรัฐเร่งช่วยแก้ปัญหาถูกนายจ้างต่างแดนเอาเปรียบ
เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 12 กันยายน 2566 ที่จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภานายเซีย จำปาทอง พร้อมด้วย นายสุเทพ อู่อ้น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล และคณะ รับหนังสือจาก นายไพรสันติ จุ้มอังวะ ตัวแทนเครือข่ายแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าในประเทศสวีเดน และฟินแลนด์ เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรคนงานเก็บเบอร์รี่ชาวไทย
ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวระบุว่า โดยนับตั้งแต่ระบบโควต้าเริ่มต้นในปี 2549 จากตัวเลขที่รวบรวมทั้งจากกระทรวงแรงงาน ของประเทศไทย สวีเดน และฟินแลนด์ รวมกันทั้งสิ้น 118,798 วีซ่า (ฟินแลนด์ 43,864 และสวีเดน 74,934 วีซ่า) ในแต่ละปี คนงานกว่าร้อยละ 60 จะเป็นคนงานใหม่ที่ถูกหลอกให้เชื่อว่า การยอมจ่ายค่าใช้จ่าย 150,000 บาท และพร้อมทำงานหนักตลอด 70 วัน โดยไม่พัก จะได้รับเงินค่าตอบแทนจำนวนมาก แต่ความเป็นจริง คือ แรงงานไทยจำนวนมากถูกหลอกไปทำงานฟรี และถูกกดดันเรื่องหนี้สินที่กู้ไปจากเมืองไทย และหนี้ของบริษัทเบอร์รี่ป่า
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลผู้เสียหายที่ประสบโดยตรง จำนวนกว่า 2,000 คน ได้ร้องเรียนปัญหาดังกล่าวต่อหน่วยงานของสวีเดน หน่วยงานของฟินแลนด์ และหน่วยงานของรัฐบาลไทย แต่ปรากฏว่า ยังไม่ได้รับความยุติธรรมและไม่ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย ในฤดูกาลที่ผ่านมาจึงได้ดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดกรณีค้ามนุษย์กับบริษัทเบอร์รี่ที่สวีเดนและฟินแลนด์ รวมกัน 13 บริษัท แต่ร่วม 1 ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้รับความหวังและความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของสวีเดนและฟินแลนด์ แต่การฟ้องร้องดำเนินการจากประเทศไทย ยังไม่ได้ให้ปากคำโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งยังไม่เห็นบริษัทถูกดำเนินการเอาผิด และยังหลอกคนงานไปเก็บเบอร์รี่ในฤดูกาลปี 2566 อีกด้วย
ขณะนี้ เกษตรกรคนงานเก็บเบอร์รี่ไม่อาจแบกรับภาระหนี้ได้ จึงถูกเจ้าหนี้ ทั้งสถาบันการเงินเอกชน นายทุนเงินกู้นอกระบบ ยึดทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันไป จึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 และทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อส่งไปยังรัฐบาลของทั้ง 3 ประเทศ เพื่อให้เร่งแก้ปัญหาและช่วยเหลือเกษตรกรโดยด่วน พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้หยุดดำเนินการระบบนี้ และให้มีกระบวนการคืนความยุติธรรมให้กับเกษตรกรคนงานเก็บเบอร์รี่ชาวไทย รวมทั้งวางมาตรการชดเชยและเยียวยาให้กับคนงานที่ได้รับความเสียหายทุกคน
นายสุเทพกล่าวภายหลังรับหนังสือว่า การดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร ยังไม่เรียบร้อย จึงยังไม่มีคณะ กมธ.การแรงงานเกิดขึ้น ซึ่งตนในฐานะอดีตประธานคณะ กมธ.การแรงงาน เห็นว่า เรื่องของพี่น้องแรงงานที่ไปเก็บผลไม้เบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศฟินแลนด์หรือสวีเดน ยังเป็นปัญหาค้างคาที่ยังไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
“ทั้งนี้ ในการดำเนินการต่างๆ นั้น เราจะใช้กลไก กมธ.มาทำงานต่อ แต่หากยังไม่มี กมธ.เราในฐานะผู้แทนราษฎรก็จะผลักดันและแก้ไขเรื่องเหล่านี้ต่อไป โดยในวันนี้ (12 กันยายน 2566) หลังจากรับหนังสือแล้ว จะมีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นกับผู้แทนของประเทศฟินแลนด์เกี่ยวกับปัญหา แนวทางการแก้ไข รวมทั้งข้อเรียกร้องต่างๆ ซึ่งจะนำมาประกอบการพิจารณาในการประชุมนี้ โดยเฉพาะเรื่องสัญญาที่จะนำคนไทยไปทำงานซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เนื่องจากเมื่อสัญญาไม่ถูกต้องก็จะทำให้มีการบิดพลิ้วในทุกๆ เรื่อง ดังนั้น สัญญาจะต้องเป็นสัญญาที่มีความเป็นธรรมกับพี่น้องแรงงาน” นายสุเทพกล่าว