ต่อการออกโรงของ 2 สนช.ว่าด้วย แนวโน้มการเลื่อน “โรดแมป” การเลือกตั้งจากปลายปี 2560 เป็นกลางปี 2561
“ปฏิกิริยา” จากแต่ละ “พรรคการเมือง”
แกนนำระดับ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ระดับ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ระดับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
มากด้วยความสุขุม นุ่มลึก
ไม่เล่นบท “ดุดัน” ฟาดด้วยหมัดและศอก ตรงกันข้าม ดำเนินไปอย่างรู้เท่าทัน เข้าใจ
“เชียร์”ส่งให้ “ยาววววว”แค่ไหนก็ได้
ตระเตรียมในทางความคิด ยอมรับแม้กระทั่ง”กลางปี” 2561 ก็ไม่เป็นไร
ตรงกันข้าม ระดับ”รอง”ลงมา ดุเดือด เข้มข้น
โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทย เมื่อประสานเข้ากับจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็เจ็บกันถ้วนหน้า
ไม่เพียง “สนช.”หากตีระไปถึง”กรธ.”
หากประมวลและ”สรุป”จากที่แสดงออกทั้งที่ปรากฏเป็นข่าวและที่ผ่านทางเว็บเพจ
1 เห็นว่าเป็นการ”โยนหินถามทาง”
เพราะมองทะลุว่า นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นใคร เพราะมองทะลุว่า พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม เป็นใคร
สามารถโยง”สายยาว”ไปถึงใคร
ขณะเดียวกัน 1 เห็นว่าอาการงอก่องอขิงอันมาจากคนอย่าง นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นั้นเพราะอะไร
“เพราะไม่สามารถชี้แจงเหตุผลต่อสังคมได้”
“ถือเป็นเกมสลับขาหลอกของพวก “แม่น้ำ 5 สาย”เท่านั้น
เพราะมองว่าบทบาทของ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย บทบาท ของ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม บทบาทของ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์
เสมอเป็นเพียง “สมิงพระราม” ในการอาสา ออกหน้า
พลันที่ตัวจริง เสียงจริง ระดับ พล.อ.นพดล อินทปัญญา ออกมา
ก็ต้องยอมพลิกลิ้น “กลืนน้ำลาย”
สภาพการณ์ที่สนช.อย่าง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ประสบ
มาพร้อมกับเดือนมกราคม 2560
เพราะว่าเดือนมกราคม 2560 ถือได้ว่าเป็นฤดูกาลใหม่ในทางการเมือง
ไม่เหมือนกับเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
คนที่เคยเล่นบทเป็น “พระเอก” ก็มีโอกาสกลับกลายเป็น “ผู้ร้าย” คนที่เคยเป็น “โจทก์” อาจต้องเป็น “จำเลย”
พลันที่ “โรดแมป” ย่างสามขุมเข้ามาเยือน ไม่ว่าจะเป็นปลายปี 2560 ไม่ว่าจะเป็นกลางปี 2561 ย่อมเป็นเรื่องใหม่ ใหญ่
เพราะหมายถึง”เลือกตั้ง” กำลังใกล้เข้ามาทุกวินาที
