ศิธาโผล่ก้าวไกล ยกคำวิโรจน์ สู้กับคนหน้าด้าน ต้องด้านกว่า รักษาเก้าอี้รองปธ.สภา

‘ศิธา’ โผล่โซลบาร์ บอกมาหารือทั่วไป มองก้าวไกลต้องรักษาเก้าอี้รอง ปธ.สภา-ผู้นำฝ่ายค้าน หวังถ่วงดุลไม่ให้เป็นเผด็จการสภา

เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการสรรหาบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ก.ก.ว่า ให้เขาเลือกกันในพรรค เพื่อที่จะได้ตัวแทนที่เหมาะสมที่สุด แต่สิ่งที่อยากจะพูดในสิ่งที่พรรค ก.ก.มีอยู่ตอนนี้ คือเป็นพรรคที่ไม่ร่วมรัฐบาล และมีจำนวน ส.ส.มากที่สุด สามารถเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ เพราะตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านควรที่จะเป็นคนที่ประชาชนสามารถให้ความคาดหวัง และเป็นที่พึ่งได้ เนื่องจากระบบรัฐบาลสภาไม่ได้เป็นระบบที่ต้องเอื้อไปกับรัฐบาลอย่างเดียว ต้องมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลด้วย ควรจะมีคนที่น่าเชื่อถือได้ และพรรค ก.ก.ก็มีบุคลากรที่เหมาะสม ประกอบกับตัวพรรคของเขาด้วยอยู่แล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรจะดำรงไว้

เมื่อถามถึงตำแหน่งรองประธานสภา ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน น.ต.ศิธากล่าวยืนยันว่า รองประธานสภามีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ประธานสภา 1 คน และรอง 2 คน ก็จะสลับกันทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม คิดง่ายๆ ว่า 1 ใน 3 หรือประมาณร้อยละ 33 ของการประชุมสภาทั้งหมด จะต้องมาลงที่รองประธานสภาคนที่ 1 อยู่แล้ว โดยผู้ที่ทำหน้าที่ขณะนี้คือนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ผ่านมาเราเคยได้ยินเผด็จการรัฐสภา พวกมากลากไป ประธานปิดประชุม หรืออะไรต่างๆ พอถึงเวลามีนโยบายเขาต้องทำแบบนั้น ทุกๆ 1 ใน 3 เราจะสามารถตอบโต้การกระทำแบบนั้นได้ ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม ใจก็อยากให้เขารักษาไว้ทั้งสองอย่าง หากคืนไป รองประธานสภาก็ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ในภาวะปัจจุบันคิดว่ารองประธานที่อยู่ในฝ่ายค้านสัก 1 คน ก็น่าจะทำให้การตรวจสอบถ่วงดุลสมดุล ไม่เป็นเผด็จการรัฐสภามากเกินไป ไม่เป็นเสียงข้างมากไป

น.ต.ศิธากล่าวต่อว่า กลไกการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ดูงง ทั้งเรื่องการวางตัวบุคคลกับงานต่างๆ มองว่าไม่เห็นเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนตรงไหน แต่พอดูตามสมการการเมือง เพราะเอาคนนี้ไปนั่งตรงนี้แล้วจบเรื่องเงียบสามารถเคลียร์กันได้ ก็เป็นการแก้ปัญหาให้กับการเมืองมากกว่า

Advertisement

เมื่อถามว่า ถ้าพรรค ก.ก.ขับนายปดิพัทธ์ออก ถือว่าเป็นการกระทำโดยชอบธรรมหรือไม่ น.ต.ศิธากล่าวว่า เราจะเห็นว่ามีการขับออกรับเข้าของพรรคอื่นอยู่มาก การที่คนพยายามเปรียบเทียบว่า นี่หรือคือความตรงไปตรงมา แต่ถ้าเราดูการเมืองปัจจุบัน อย่างที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ก.ก. เคยพูดว่า “แรงสู้กับคนหน้าด้าน” จริงๆ คือไม่ใช่การหน้าด้านหรือไม่หน้าด้าน แต่เป็นสิ่งที่เขาโดนกระทำ อาจจะร้อยครั้ง แล้วฮึบขึ้นสู้สักที ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ถ้าถามว่าทำเพื่อตัวเองหรือไม่ ก็ทำเพื่อเป็นการตรวจสอบ และประชาชนก็ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่สิ่งที่พรรค ก.ก.ควรจะได้ไปไกลกว่านี้ แต่ตอนนี้ต้องถอยมา คือ รองประธานสภา และผู้นำฝ่ายค้าน น้อยกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

เมื่อถามว่า สุดท้ายจะได้ตำแหน่งรองประธานสภาหรือไม่ น.ต.ศิธากล่าวว่า แล้วแต่พรรคเขา แต่ถ้าบอกว่า ขับออก แล้วมีคนมาบอกว่า เกิดรู้สึกไม่ดี แล้วไม่เอา ถ้าตามความรู้สึกของเรา ก็เสียดาย กลายเป็นว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ของรองประธานสภา ก็จะไปเป็นฟากฝั่งของรัฐบาล และไปจับมือกับคณะรัฐบาลเดิม ขอสัก 1 ใน 3 เพื่อถ่วงดุล จะดี หากบอกนายปดิพัทธ์ว่า พรรค ก.ก.อยากได้ผู้นำฝ่ายค้าน แต่มีรองประธานสภาอยู่ จึงต้องขอให้ออก ก็เป็นเอกสิทธิ์ของเขา เพราะสภาก็เลือกเขามา และมีการโปรดเกล้าฯ ด้วย ถ้าเขาบอกไม่ลาออก แล้วขัดมติพรรค ก็ขับออก

เมื่อถามว่า ฝั่งพรรคเพื่อไทย (พท.) มองเป็นการละคร น.ต.ศิธากล่าวว่า สุดท้ายแล้วจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ คืนรองประธานไปคนหนึ่ง แล้วเขาจะให้พรรคฝ่ายค้านเป็นหรือไม่ หรือให้พรรคอื่น คนที่จะได้ก็คือพรรค พท. ให้ดูที่คำพูดว่า ใครจะมีผลได้

Advertisement

น.ต.ศิธากล่าวต่ออีกว่า ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เป็นสิทธิของพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดของพรรคที่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล และในส่วนของรองประธานสภา ซึ่งก็อยู่ในที่ของฝ่ายค้านอยู่แล้ว ถ้าเกิดยังยึดไม่ได้ ก็จะมี 1 ใน 3 ของการประชุมสภาที่สามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน เพราะตั้งแต่ตอนจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่ทันเข้าไปทำงานแม้แต่วันเดียว รัฐบาลนี้ก็มีประเด็นที่ขัดต่อความรู้สึกของประชาชน ฉะนั้น ขอ 1 ใน 3 ที่จะดึงให้เกิดความเป็นธรรม ไม่สามารถไปครอบคลุม อะไรก็ได้ แค่เกิดให้ความเป็นธรรมเฉยๆ

เมื่อถามว่า พรรค พท.บอกไม่สง่างาม หากพรรคนั้นๆ จะมีคนหนึ่งนั่งรองประธานสภา คนหนึ่งนั่งผู้นำฝ่ายค้าน น.ต.ศิธากล่าวว่า “ไอ้ที่ไม่สง่างาม เป็นตำแหน่งใหญ่กว่านี้ตั้งเยอะ และเป็นตำแหน่งที่สำคัญกว่านี้ตั้งเยอะ ยิ่งโคตรไม่สง่างาม”

ในช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า น.ต.ศิธา เป็นนายแบกก้าวไกลหรือไม่ น.ต.ศิธากล่าวว่า พูดไปตามหลักการ ถ้าผิดหลักการแล้วตอบโต้แทนเรียกว่าแบก ตนลูก 4 คนแล้ว ไม่ได้แบกแล้ว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ น.ต.ศิธา เข้ามา ณ ที่ทำการพรรค ก.ก.ในวันนี้ เพื่อหารือกับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ก.ก. ในวาระทั่วไป เนื่องจากได้มีการนัดกันไว้ ตั้งแต่ในช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image