สปท.ชงยาแรง ประหารชีวิตนักการเมือง คดีคอรัปชั่น ทำรัฐเสียหายหลักพันล้าน

สปท.การเมือง ชง 4 แนวทางปฏิรูปกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐ ยาแรง ประหาร “นักการเมือง-ขรก.” ต้องโทษทุจริตเกินพันล้าน จ่อ เข้าที่ประชุมใหญ่ 9 ม.ค.นี้

เมื่อวันที่ 7 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้นัดประชุมสปท.ในวันที่ 9 มกราคมนี้ เพื่อพิจารณารายงานปฏิรูป เรื่อง “การควบคุมและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ” ของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การขับเคลื่อนการปฏิรูปของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการเมือง ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน โดยมีสาระสำคัญแบ่งออกเป็น 4 แนวทาง ดังนี้ 1.การปฏิรูปการควบคุมตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐผ่านระบบรัฐสภา เสนอให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองกระทู้ เพื่อคัดเลือกกระทู้ถามที่มีความสำคัญและเป็นปัญหาที่ต้องรับการแก้ไขในระดับการบริหารราชการแผ่นดินก่อนเข้าสู่การบรรจุในระเบียบวาระ เพื่อแก้ปัญหากรณีที่ตั้งกระทู้ถามลักษณะที่สนับสนุนหรือประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 2.การปฏิรูปการควบคุมและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐผ่านองค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม เสนอให้ปรับกระบวนการสรรหา ซึ่งตามร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติกำหนดให้มีตัวแทนจากองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะกรรมการสรรหาด้วย ดังนั้นควรกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้มีการกำหนดบุคคลไว้ล่วงหน้า ซึ่งอาจกระทบต่อความโปร่งใสการสรรหาได้ เช่นเดียวกัน คุณสมบัติของกรรมการองค์กรอิสระ ที่ระบุให้มีความรับผิดชอบสูง มีความดีเป็นที่ประจักษ์ ควรกำหนดนิยามและขอบเขตให้ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางและกรอบการคัดเลือกที่ชัดเจนและกรรมการสรรหาสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้อย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน และควรเปิดกว้างให้ทุกสาขาอาชีพสามารถสมัครเข้ารับการสรรหาได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 3.การปฏิรูปการควบคุมและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐโดยประชาชน เสนอให้มีการส่งเสริมให้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสารภาครัฐ โดยสนับสนุนให้มีการประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พ.ศ. และ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. ที่ สปท.ได้เสนอต่อสนช.ไปแล้วโดยเร็ว และ 4.การปฏิรูปการควบคุมและการตรวจสอบข้าราชการและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจรัฐ เสนอให้ใช้แนวทางเดียวกับการตรวจสอบฝ่ายการเมือง พร้อมกับเสนอให้ปรับอัตราการลงโทษผู้ที่กระทำความผิดในคดีคอร์รัปชั่น ดังนี้ 1.คดีที่สร้างความเสียหายมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านบาท ให้จำคุกไม่เกิน 5 ปี 2.คดีที่สร้างความเสียหายมูลค่า เกิน 1 ล้านบาท – 10 ล้านบาท ให้จำคุก 10 ปี 3.คดีที่สร้างความเสียหายมูลค่า เกิน 10ล้านบาท-100 ล้านบาท จำคุก 20ปี 4.คดีที่สร้างความเสียหายมูลค่า เกิน 100 ล้านบาท-1,000ล้านบาท ให้จำคุกตลอดชีวิต และ 5.คดีที่สร้างความเสียหายมูลค่าเกิน 1,000ล้านบาท ให้ลงโทษด้วยการประหารชีวิต

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image