ศิโรตม์ เรียกร้องปิยบุตร พูดต่อไป งานใหญ่รออยู่ ร่างรธน.ฉบับใหม่ ไม่มีเสียงคุณไม่ได้ 

ศิโรตม์ เรียกร้องปิยบุตร พูดต่อไป งานใหญ่รออยู่ ร่างรธน.ฉบับใหม่ ไม่มีเสียงคุณไม่ได้   

จากกรณีที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ประกาศขอยุติคอมเมนต์การเมือง หลังผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลไม่พอใจ หลังออกมาโพสต์วิจารณ์ถึงพรรคก้าวไกลไม่มีท่าทีต่อกรณีที่ ช่อ พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ถูกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น  

ล่าสุด (23 ก.ย.) ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ มองกรณีดังกล่าวผ่าน รายการ The Politics X อ.ศิโรตม์ ทางมติชนทีวี โดยระบุว่า เรื่องนี้ ก็อาจจะเป็นผลลบต่อก้าวไกล เพราะจะมีการปั่นว่า แฟนคลับก้าวไกลคลั่งจนกระทั่งปิยบุตรยังงอน แต่ในฐานะที่ตนรู้จักส่วนตัวกับนายปิยบุตร ตั้งแต่เขายังเรียน ป.โท ตนคิดว่ายังไงๆ นายปิยบุตรก็ไม่เลิกพูดการเมือง ไม่มีทางเลย ถ้านายปิยบุตรเลิกพูดการเมืองได้ ถ้านายปิยบุตรเจอตน มาเตะได้เลย แม้จะกระทั่งเรื่องก้าวไกลด้วย เพราะเขารักก้าวไกลกับอนาคตใหม่มาก การที่นายปิยบุตรบอกจะเลิกพูดเหมือนกับแฟนงอนกัน อย่างรอบที่แล้วกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทั้งพรรคเครียดกันหมด แต่วันรุ่งขึ้นกอดคอกันร้องเพลง กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เรื่องจบ

ต้องยอมรับว่านายปิยบุตรเป็นคนชอบแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นความเห็นที่มีคอนเซ็ปต์ที่เขาอ่านและเรียนมาด้วย เพราะฉะนั้นนี่คือดีเอ็นเอของปิยบุตร ยังไงๆ ก็ไม่หยุดพูดหรอก ถามว่าถ้าจะมีอะไรน้อยใจไหม ส่วนตัวคิดว่ามี แต่ก็อยากให้นายปิยบุตรคิดในแง่นี้ว่า เราเป็นบุคคลสาธารณะ เมื่อเราวิจารณ์อะไรออกไป คนวิจารณ์เราได้หมด ยิ่งในคำวิจารณ์อาจจะมีบางอย่างที่เราไม่ชอบ เช่น ทำไมเรื่องนี้ไม่พูดกันเป็นการภายใน ซึ่งสำหรับนายปิยบุตรอาจจะคิดว่าทำไมจะต้องพูดภายใน ก็อยากสื่อสารภายนอก มันเป็นปัญหาตรงไหน

Advertisement

ซึ่งเรื่องแบบนี้ในสังคมไทย ยังไม่เข้าใจวัฒนธรรมของการวิจารณ์ เขาก็จะคิดว่ามีอะไรให้พูดกันภายใน บ้านเราเป็นแบบนี้แทบจะทุกองค์กร ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า พอนายปิยบุตรมาพูดถึงก้าวไกลในที่สาธารณะ ก็อาจมีคนคิดว่าปุ่มความเป็นไทยที่สอนเราแบบนี้ว่า ต้องพูดกันภายใน ซึ่งส่วนตัวไม่ทราบว่าคนที่พูดแบบนี้เป็นคนรักก้าวไกล หรือรักปิยบุตรจริงๆ หรือว่ามีสายเสี้ยมเข้ามาปั่น หรือผสมโรงด้วย

“แต่ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ปิยบุตรต้องพูดต่อ เราไม่ต้องสนใจ ใครจะทักว่าไม่เกี่ยวกับพรรคก้าวไกลแล้วพูดทำไม ก็ไม่ต้องไปสนใจ ปิยบุตรต้องวางหลักให้สังคมว่า ทุกคนสามารถพูดถึงพรรคการเมือง ในฐานะองค์กรสาธารณะได้ จะพูดในพรรค หรือนอกพรรคก็พูดได้ ยิ่งคนที่เคยทำงานในองค์กรนั้นๆ อาจจะจำเป็นมากกว่าด้วยซ้ำ เพื่อสื่อสารว่าข้างในมีประเด็นอะไรที่ต้องคุยกัน”

ศิโรตม์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ต้องยอมรับก้าวไกลในยุคพิธา พรรคแมสขึ้น การที่ ส.ส.จากได้เกือบ 80 เป็น 151 คน ซึ่งเป็นการเติบโตเกือบ 1 เท่าตัว จากคนเลือก 8 ล้านคน เป็น 14 ล้านคน มันก็แปลว่ามีอย่างน้อย 6 ล้านคน อาจจะไม่ทันสมัยที่นายปิยบุตรยังมีบทบาท ในเวลาที่นายปิยบุตรเป็นดาวฤกษ์ในสภามันสั้นมาก และหลังจากนั้นก็ถูกทำลาย จากนั้นมาหลายปีก็อาจทำให้คนลืมว่าเขามีความสำคัญกับพรรคขนาดไหน ซึ่งเรื่องนี้คนในพรรครู้ แล้วความสำเร็จของก้าวไกลคราวนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากนายปิยบุตรช่วยวางยุทธศาสตร์หาเสียง

Advertisement

สิ่งที่นายปิยบุตรมีแต่พรรคอื่นไม่มีคือสมองที่จะคิดยุทธศาสตร์หาเสียงโดยอิงทฤษฎีบางอย่างได้ แต่สำหรับกองเชียร์ใหม่อาจจะห่างจากนายปิยบุตร เขารักพรรค แต่อาจมาในช่วงที่นายปิยบุตรไม่ได้ทำงานในพรรคแล้ว ก็อาจจะมีความไม่เข้าใจกัน ส่วนตัวจึงอยากให้นายปิยบุตรมองคนเหล่านี้ว่าเขารักพรรค ปิยบุตรก็รักพรรค แต่เฟสของการเข้ามามันไม่ตรงกัน แต่ในเมื่ออาจารย์ปิยบุตรแสดงความเห็นก็ต้องทน และเข้าใจเอฟซี

“ปิยบุตรคิดง่ายๆ ว่าคนพวกนี้เขาไม่รู้จักพรรคตอนที่คุณทำอยู่ ดังนั้น ต้องใจเย็นๆ เขามาสนใจพรรคตอนที่ปิยบุตรไม่ได้ทำพรรคแล้ว เรื่องนี้ง่ายๆ ต้องเข้าใจ ก้าวไกลโตก้าวกระโดดมาก จากยุคที่ปิยบุตรทำ มาถึงยุคพิธา ฉะนั้น พรรคเป็นบ้านหลังใหญ่ขึ้น คนที่มาอยู่ในบ้านเขาไม่ทันก็อาจมีความรู้สึกว่า มาว่าทำไม”

เมื่อถามว่า ล่าสุดนายปิยบุตรโพสต์ว่าอาจหมดเวลาของเขาแล้ว ศิโรตม์ กล่าวว่า คนอย่างนายปิยบุตรไม่มีหมดเวลาหรอก มีแต่พักครึ่ง เดี๋ยวมาใหม่ ตนคิดว่านายปิยบุตรยังทิ้งก้าวไกลไปไม่ได้ เพราะเบื้องต้นยังมีภารกิจสำคัญในการผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แล้วในประเทศไทยชื่อของนายปิยบุตรเป็นคนหนึ่งที่มีเสียงในการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เรื่องนี้นายปิยบุตรน้อยใจไม่ได้ จะปล่อยให้มีการร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่มีเสียงของปิยบุตรเลยหรือ อาจารย์คิดว่าตัวเองสำคัญน้อยขนาดนั้นเลยหรือ คนอย่างปิยบุตร เมื่อร่วมกับก้าวไกล มันคือทรัพยากรสำคัญในการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศนี้ คนอย่างนายปิยบุตรมีองค์ความรู้ในเรื่องรัฐธรรมนูญมากคนหนึ่ง ถ้าไม่มีคนอย่างนี้เข้ามาช่วยทำ ประเทศเราเสียหาย

ศิโรตม์ ยังเผยเรื่องที่อยากวิจารณ์นายปิยบุตรไว้ด้วยว่า ถ้ามีอะไรวิจารณ์ปิยบุตร ผมขอพูดเรื่องนี้ตรงๆ เลย ผมไม่เคยพูดที่ไหนเลย อดทนมานานแล้ว ขอพูดหน่อย ผมรับปิยบุตรไม่ได้อย่างมาก เรื่องที่ปิยบุตรพูดถึงร้านบะหมี่ร้านหนึ่งว่าอร่อย แต่สำหรับผมบอกตรงๆ เลยว่า ร้านนั้นไม่อร่อย”

“ผมไม่อยากวิจารณ์ปิยบุตรต่อหน้า เรื่องนี้คือเรื่องที่ผมไม่พอใจอย่างมาก เพราะเขาชมเยอะ แต่ผมไม่อร่อย ผมคาใจมานานละ” ศิโรตม์ยิ้มทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image