ใบตองแห้ง ร่ายที่มาโทษจริยธรรม ยกเคสปารีณา คนหลงสะใจ ทั้งที่กลไกบิดเบี้ยว

‘ใบตองแห้ง’ งง ช่อโดนถอนสิทธิ คนหลงสะใจเคสปารีณา ร่ายที่มากลไกบิดเบี้ยว ย้ำต้องแก้ รธน.

เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา นายอธึกกิต แสวงสุข หรือ ‘ใบตองแห้ง’ พร้อมด้วย นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ให้ความเห็นในรายการ The Politics x ทางมติชนทีวี ในประเด็นที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ ถูกเพิกถอนสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต รวมถึงห้ามดำรงตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง

ในตอนหนึ่ง นายอธึกกิต หรือใบตองแห้ง กล่าวว่า ประเด็นเรื่องจริยธรรมนั้น เมื่อจะแก้รัฐธรรมนูญต้องถูกยกขึ้นมาพูดอย่างแน่นอน ถามว่า ส.ส.ฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลที่มาจากพรรค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเอาด้วยหรือ? ตนมองว่าคงไม่ยอมให้แก้ และ ส.ว.ก็เช่นกัน

นายอธึกกิตกล่าวอีกว่า เหตุดังกล่าว แท้จริงแล้วมาจากกลไกที่บิดเบี้ยวย้อนไปในรัฐธรรมนูญ ฉบับปี’40 50 และ 60 กล่าวคือ ปัญหาอำนาจขององค์กรอิสระ

Advertisement

“สังคมไทยเห็นภาพนักการเมืองต่างประเทศ ที่เขามีสปิริตลาออกกัน ก็รู้สึกว่าอยากให้มีจริยธรรมบ้าง ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยพยายามไปสร้างกลไกในรัฐธรรมนูญมาเพื่อที่จะไปบังคับ โดยรัฐธรรมนูญปี’40 มีการถอดถอน แบบสหรัฐอเมริกา รวมถึงปี’50 ด้วย

ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า มันไปสร้างกลไกควบคุมนักการเมือง เหมือนอย่างการที่มี กกต. ผมอ่าน ฟังนักวิชาการที่เขาสรุปว่า ขอให้ กกต.ลาออก ผมว่ายุบ กกต. เหลือแค่องค์กรเป็นกลางที่จัดการเลือกตั้ง ซึ่งรัฐธรรมนูญ 40 เอามาจากอินเดีย ซึ่งอินเดียเขามีแค่นี้เอง เขามีความเป็นกลางสั่งการเลือกตั้งใหม่ ถ้าเห็นว่ามันอื้อฉาวมากๆ จะให้ 5 คน 7 คน ไปตัดสินได้อย่างไรว่าคนที่ประชาชนเลือกเข้ามา จะต้องถูกตัดสิทธิอะไรต่างๆ” นายอธึกกิตกล่าว

นายอธึกกิตกล่าวต่อไปว่า กลไกมันเป็นอัมพาตไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าความคิดนี้มันก่อร่างมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี’40 มาถึง 50 และมาถึง 60 ที่ยิ่งหนักขึ้นไปอีก โดยไปคิดว่าเมื่อถอดถอนไม่สำเร็จ ก็ตั้งมาตรฐานจริยธรรมขึ้นมาเลย

Advertisement

“ทั่วโลกเขาไม่มีตัดสิทธิทางการเมือง แต่ถ้าคุณเป็นประธานาธิบดีที่ถูกถอดถอนแล้ว คุณก็อาย ไม่ลงสมัครอีกแล้ว คนไม่เลือกแล้ว ถูกไหม สังคมมันตัดสินเอง ซึ่งอันนี้มันเป็นปัญหามาตั้งแต่คุณปารีณา ไกรคุปต์แล้ว มันมีปัญหาแล้วทำให้คนไปหลงเชียร์สะใจ คือ เขาไม่ถูกตัดสินความผิดทางอาญาเลย ทางอาญามันยังสู้กันได้

ถ้าบอกให้ถอดถอนจากความเป็น ส.ส. ซึ่งรัฐธรรมนูญ 60 ถอดถอนทั้งชีวิต ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เพราะต้องรอให้ความผิดทางอาญาเสร็จเด็ดขาดก่อน แล้วคุณก็อาจจะตีความคุณสมบัติ อันนี้ก็ยาวอีกเพราะรัฐธรรมนูฐมันพ่วงมาอีกหลายเรื่อง” นายอธึกกิตกล่าว

นายอธึกกิตกล่าวว่า เราต้องยืนยันว่ามันมาจากการที่ประชาชนเลือก ไม่ควรจะเอาอำนาจอื่นมาใช้ แล้วอำนาจนั้นก็มีปัญหา และมันเกิดความขัดแย้งกับประชาชน

“เรื่องโต้แย้งในทางคดี เรื่องที่คุณศรีสุวรรณ จรรยา มาร้องมันเป็นภาพเมื่อปี’53 ตอนนั้นสถานะคุณช่อยังไม่ได้เป็น ส.ส. โดยหลักทั่วไปมันใช้ย้อนหลังไม่ได้ เขาถึงแย้งเรื่องนี้อยู่ แต่มีการอ้างว่าคุณเป็น ส.ส.แล้วแต่ไม่ลบ ซึ่งมันก็ประหลาดอยู่ เพราะการกระทำมันเกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีก่อน

ถ้าเราโพสต์อะไรก่อนรัฐธรรมนูญ แล้วเราไม่ได้ไปลบ มันผิดหรือ อันนี้มันเป็นบรรทัดฐานหรือไม่ เช่น ถ้าเกิดก่อนมีกฎหมายควบคุมโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แล้วโพสต์ตั้งแต่ปี’55 อันนี้เป็นปัญหานะ คุณจำได้ไหมถ้าลบก็หาว่าผิดอีก เหมือนเป็นการยอมรับ สารภาพผิด แล้วจริงๆ ภาพนั้นคุณช่อก็ไม่ได้โดน ม.112 นะ ไม่ใช่เรื่องนี้ อันนี้จึงเป็นปัญหาที่ถามทางกฎหมาย” นายอธึกกิตกล่าว

นายอธึกกิตกล่าวว่า อย่าลืมว่าตอนนี้ น.ส.พรรณิการ์ไม่ได้เป็น ส.ส.แล้ว และวันที่โดนร้องก็พ้นสถานะ ส.ส.ไปแล้ว ตนงงว่าในเมื่อพ้น ส.ส.ไปแล้ว เหตุใดจึงสามารถเอาประมวลจริยธรรมนี้มาใช้ เพราะไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่กลับไปเป็นประชาชนธรรมดาแล้ว

“ในภาพรวมแล้วมันเป็นปัญหาว่าเราต้องรื้อล้างระบบอำนาจแบบนี้ ซึ่งทุกคนต้องเข้าใจร่วมกันว่าคุณต้องเชื่อมั่นในสังคมประชาธิปไตยที่มันเติบโตแล้ว และมันสามารถกดดันนักการเมืองได้ อะไรได้ใช่ไหม สุดท้ายแล้วต้องกลับไปแก้ที่รัฐธรรมนูญ ประเด็นนี้ต้องแก้หมดด้วย” นายอธึกกิตกล่าว

นายอธึกกิตกล่าวว่า ต้องย้ำอีกอย่างหนึ่งว่ารัฐธรรมนูญปี’40 กกต.ไม่มีอำนาจในการให้ใบแดง แต่ว่าไปเพิ่มในตัวพระราชบัญญัติ ซึ่งออกมาทีหลัง แล้วคนก็ดีใจกับ กกต.ชุดแรกที่เป็นเทพ กลายเป็นว่าไม่ตระหนักว่ามันเป็นดาบสองคม

“คนดี เราต้องพัฒนา ด้วยการพัฒนาประชาธิปไตยและความความเข้มแข็งของประชาชน มันไม่ใช่ว่าไปเอาอำนาจอื่นมาใช้ เป็นอำนาจที่ตรวจสอบไม่ได้” นายอธึกกิตทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image