‘โรม’ ร่วมเลี้ยงส่งอานนท์ ในฐานะ ‘เพื่อนร่วมรบ’ หวังรบ.เศรษฐา แก้ปัญหาเสรีภาพ

‘โรม’ มอง ‘ทนายอานนท์’ ฐานะเพื่อนร่วมรบ หวังรัฐบาลใหม่ แก้ปัญหาเสรีภาพ จี้ ‘ภูมิธรรม’ ไม่หลงลืมอุดมการณ์ ‘คนเดือนตุลา’

เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่ Hops and Hope craft bar เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ มีการจัดงาน ‘ดื่มส่งอานนท์ เข้าเรือนจำ’ พร้อมกิจกรรมฉลองและให้กำลังใจ นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งจะเข้ารับฟังคำพิพากษาคดี ม.112 ในวันที่ 26 ก.ย. นี้ เวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก โดยมีเหตุมาจากการปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก 2. ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3. ปฏิรูปสถาบัน

ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศเมื่อเวลา 18.30 น. ว่ามีผู้ทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้งนักกิจกรรม นักการเมือง และประชาชน อาทิ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์, น.ส.ณัฎฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน พยาบาลอาสา, นายมงคล ถิระโคตร หรือ บัสบาส, นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า, น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตสายไหม พรรคก้าวไกล, นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล, นายธนาพล อิ๋วสกุล บก.สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นต้น

ต่อมาเวลา 20.30 น. นายรังสิมันต์ โรม เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงส่ง โดยให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ว่า วันนี้ก่อนเดินทางมา ตนคุยกับภรรยาว่าเราควรจะมาด้วยความรู้สึกแบบไหนดี ที่ผ่านมาเป็นเพื่อนร่วมรบ และด้านหนึ่งนายอานนท์เป็นพ่อของลูกที่เพิ่งคลอดไม่นาน

Advertisement

“ผมกับพี่อานนท์เราก็เป็นเพื่อนร่วมรบกัน มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็เห็นบทบาทของพี่อานนท์ในการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด และต้องยอมรับ ว่าเขาเป็นคนที่มีความแหลมคมขึ้นเรื่อยๆ

หวังว่าวันที่ 26 กันยายนนี้ จะผ่านไปด้วยดี ควรจบตามครรลองประชาธิปไตยของประเทศที่เจริญแล้ว ที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ ประชาชนสามารถใช้สิทธิของตัวเองที่มีในการแสดงออก ผมหวังว่ามันจะผ่านไปได้อย่างที่พลเมืองในประเทศประชาธิปไตยควรจะได้รับ อย่างน้อยที่สุด หวังว่าเขาควรจะได้กลับมากอดลูก เจอหน้าภรรยา” นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่ามองโนวโน้มคดี 112 ในรัฐบาลใหม่อย่างไร

Advertisement

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าพูดแบบให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย คงยากที่จะสรุปอะไรได้ในตอนนี้ เพราะยังไม่เห็นผ่านการแถลงนโยบายของรัฐบาล ตนหวังว่านายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลนี้ตัวจริง ซึ่งเคยผ่านเหตุการณ์เดือนตุลา เป็นคนตุลา เป็นคนที่ควรเข้าใจในเรื่องสิทธิเสรีภาพ

“แน่นอน ผมเชื่อว่ารัฐบาลนี้จะมีทางออกในเรื่องของประชาธิปไตยให้กับพี่น้องประชาชน ที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่ ขั้นต่ำที่สุดที่ผมคิด คือ หลายคนที่อยู่ในชั้นกระบวนการของตำรวจ ซึ่งคุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ผมคิดว่าสามารถทำเป็นนโยบายได้ ในเรื่องของคดีการเมืองต่างๆ

ผมอยากให้มีการทบทวนคดีกันใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่า คดีในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มีการดำเนินคดีด้วยข้อหาต่างๆ ที่คิดว่ามันไม่ได้สัดส่วนกับข้อเท็จจริง

นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ควรต้องคิดเรื่องการทบทวนเพื่อหาทางออก หาทางลง และทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศเรา ในเรื่องปัญหาของสิทธิเสรีภาพส่วนใหญ่
มันน่าจะดีขึ้น” นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามถึงประเด็นการผลักดันนิรโทษกรรม แต่ไม่ได้รวมถึงผู้ต้องหาในคดี 112

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงนิรโทษกรรมลำบาก หากไม่รวมไปถึงคดี 112 ซึ่งเท่ากับว่าเราไม่ยอมรับว่า คดี 112 เป็นคดีการเมือง

“ผมคิดว่าถ้าจะต้องมีการดำเนินการเรื่องนิรโทษกรรมจริงๆ เพื่อถอนฟืนออกจากกองไฟ เราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงข้อหานี้ได้เลย ถ้าบอกว่าใครก็ตามที่โดนม.112 ไม่สามารถถูกนิรโทษกรรมได้ ผมมองไม่เห็นว่าคดีทางการเมืองต่างๆมันจะสิ้นสุดได้อย่างไร” นายรังสิมันต์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image