รองหน.เป็นธรรม ชี้แจกดิจิทัล มีทั้งคุณและโทษ ยกแถลงการณ์ 99 อาจารย์ คือเสียงกริ่งเตือนรบ.
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ดร.พิศุทธิ์ จำเริญรวย รองหัวหน้า และประธาน คณะกรรมการวิสัยทัศน์ พรรคเป็นธรรม ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่ 99 นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ ออกแถลงการณ์เรียกร้อง ให้รัฐบาลยกเลิกนโยบายแจกเงิน digital 10,000 บาท โดยมีเนื้อหาดังนี้
ผมคิด… เงิน 10,000 บาท มี “มูลค่า” เท่ากัน
แต่มี “คุณค่า”ไม่เท่ากัน
เงิน 10,000 บาท อาจเป็นอาหาร”หลายสิบมื้อ”
สำหรับคนจน อาจเป็นอาหาร ”มื้อเดียว” ของนักเที่ยวราตรี อาจเป็น”เงินเล่นพนัน” ของพวกชอบอบายมุข อาจเป็น”ต้นทุน”สร้างโอกาสในการค้าขาย อาจเป็น “เงินต่อชีวิต” ของบางครอบครัว อาจเป็น “เงินใช้จ่าย” ในชีวิตประจำวันของบางคน
ฯลฯ
แต่เงิน 10,000 บาท ที่รวมๆกัน จนมีมูลค่า 560,000 ล้านบาท ( 3 % ของ GDP ) ที่เรียกว่า “นโยบายแจกเงินดิจิทัล” ของรัฐบาล เพื่อหวัง ปั่น “เศรษฐกิจทวีคูณ”ให้คึกคักเฉพาะหน้า ระยะสั้นอาจเป็น “ต้นทางของหายนะ” ก่อหนี้สินทวีคูณ ท่วมประเทศ และลูกหลาน ระยะยาว อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจเป็นได้ทั้ง “คุณหรือโทษ” ฟุ่มเฟือยหรือจำเป็น หายนะหรือฟื้นฟู หนี้ประชาชนหรือผลประโยชน์แอบแฝง
”รัฐบาลเก่า” สร้างหนี้ไว้มากแล้ว “รัฐบาลใหม่” ควรแก้ไขหนี้ มากกว่า “แข่งสร้างหนี้เพิ่ม”…
ผลลัพธ์ ของนโยบายนี้ จะดีหรือร้าย ล้วนอยู่ในความมืดมัว ไม่อาจคาดเดา ไม่อาจมองเห็น จนกว่า มันจะมายืนตรงหน้าแบบJump Scare !
“เงิน” …ใครๆ ก็อยากได้แต่ การแจกเงินดิจิทัล
560,000 ล้านบาท ที่ขาด แหล่งที่มา มาตรการ ความชัดเจน และการประเมินผลสัมฤทธิ์ ก็อาจไม่ต่างจาก “เศรษฐี หรือนักการเมือง”
ที่ใช้ความเคยชินเป็นนิสัยใช้เงิน “ซื้อคนหรือซื้อเสียง”
”ไม่ดูถูก ก็เหมือน ดูถูก” เพราะประชาชนบางส่วน อาจไม่ได้ต้องการเงิน ขนาดนั้น เนื่องจากสุจริตชน คนสัมมาชีพ จะมีความต้องการ “นโยบายสร้างสรรค์” ที่สามารถสร้าง “โอกาส และความยุติธรรม” ให้กับชนทุกชั้น ได้อย่างเสมอภาคในมิติ ของกฏหมาย เศรษฐกิจสังคม การศึกษา และคุณภาพชีวิต ที่ไม่เหลื่อมล้ำมากกว่า “นโยบาย ประชานิยม”ในลักษณะ โปรยทาน
“คำเตือน” ที่ยิ่งมา ยิ่งมากของนักวิชาการ และผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ด้านการบริหาเศรษฐศาสตร์การเงินและการคลังน่าจะไม่ต่างจาก การ ”กดกริ่งเตือนภัย”เพียงแต่ เสียงเตือนครั้งนี้อาจเป็นการเตือนภัย ระดับ “ไฟไหม้ประเทศ”
รัฐบาล “หูหนวก ตาบอด” เท่านั้นที่จะ ไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็นหรือท่านได้ยิน ได้เห็น แต่ ไม่ใส่ใจ เพราะมีอะไร บังตา !