⦁…สถานการณ์ภายนอกภายใน “เขย่าแรง” ความขัดแย้งอิสราเอลกับปาเลสไตน์และกองกำลังต่างๆ ปะทุเป็นสงคราม คนไทยเสียชีวิตกว่า 20 รายแล้ว บาดเจ็บอีกนับสิบและถูกจับเป็นตัวประกันอีกกว่า 10 ราย ท่าทางจะ “ไม่จบ” ง่ายๆ ฟังชัดจาก “จักรพงษ์ แสงมณี” รมช.ต่างประเทศ ตอบกระทู้ในสภาวันก่อน ยืนยันรัฐบาลเกาะติดสถานการณ์ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางเยือนบรูไน มาเลเซีย ใช้ “ทุกช่องทาง” ขอความช่วยเหลือจากมิตรประเทศ และมิตรของมิตร เพื่อเซฟชีวิตคนไทยในอิสราเอลกว่า 3 หมื่นคน
⦁…สำหรับ “นายกฯนิด” ตั้งแต่รับโปรดเกล้าฯ 22 ส.ค.2566 เจอ “งานหนัก” ตลอด ก่อนหน้านี้คือ “ศึกตั้ง ผบ.ตำรวจแห่งชาติ” กว่าจะสงบก็หืดขึ้น แถมยังโดนฟ้องคดี ตามมาด้วย “กราดยิงที่พารากอน” ที่กระทบนโยบายฟรีวีซ่าจีน ทำเอา “นักท่องเที่ยวจีน” แคนเซิลทัวร์เป็นแถว ก่อนจะมาถึงสงครามตะวันออกกลาง ที่ไม่น่าจะจบง่ายๆ และคงจะมีความสูญเสียตามมา ภารกิจ “ภูมิรัฐศาสตร์” ต้องดำเนินการด้วยความละเอียดอ่อน ยังดีมี “พรรคประชาชาติ” อยู่ในรัฐบาล น่าจะช่วยประคองสายสัมพันธ์ได้
⦁…อีกมรสุมคือ “เงินดิจิทัล” 1 หมื่นบาท พอนโยบายใกล้ความจริง ก็ผันแปรเป็น “เรื่องการเมือง” ทันที เกิด “กระแสต้าน” อย่างแรง จาก “อดีตผู้บริหารแบงก์ชาติ” และ “นักเศรษฐศาสตร์” ที่เข้าชื่อกันขอให้ยกเลิกนโยบาย แถมด้วย “ป.ป.ช.” ตั้งทีมมาตรวจสอบ คล้ายกับ “จำนำข้าว” สมัยรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อ “ปี 2554-2555” ก่อนจบด้วย “รัฐประหาร 2557” ก็ต้องเข้าใจว่าการเมืองไทย แม้เลือกตั้งมา 2 หนแล้ว หลัง “ล้มกระดาน 2557” แต่ยัง “เปลี่ยนไม่ผ่าน” เพราะกติกาออกแบบมาสำหรับ “คนบางพวก” เท่านั้น
⦁…เอาเป็นว่า “การเมืองไทย” ไม่ใช่การเมืองที่เดินตามเจตนารมณ์หรือความประสงค์ของประชาชน แต่เป็นไปตาม “ความเชื่อ–ความฝัน” ของ “กลุ่มอำนาจ” ที่กุมกลไกหลายระดับของบ้านเมืองไว้ แม้กลุ่มอำนาจที่ว่านี้ พ่ายแพ้อย่างย่อยยับในการเลือกตั้ง แต่ใน “กระดานอำนาจ” พวกเขายังมีอำนาจอิทธิพล และเขียนกฎเกณฑ์ต่างๆ เอาไว้รองรับตัวเอง ทำให้ทิศทางต่างๆ ของบ้านเมือง ต้องเป็นไปตามใจคนเหล่านี้ ฉะนั้น “การริเริ่ม–ดำเนินนโยบาย” ของพรรคการเมือง จึงไม่เป็นอิสระ ประชาชนอาจจะชอบ อยากได้ แต่เมื่อ “กลุ่มอำนาจ” ไม่ปลื้มซะอย่าง อุปสรรคจะตามมาเป็นโขยง เผลอๆ ถึงขั้นเป็นคดีความ เพื่อจะบอกว่าบ้านเมืองนี้ ใครเป็น “ตัวจริง”
⦁…ก็พอดีกับที่เดือนนี้ คือเดือนตุลาฯ ห้วงเวลาแห่งการลุกขึ้นสู้เพื่อประชาธิปไตยของ “ประชาชน” และเกิดอุบัติการณ์แห่งการ “เอาคืน” ของกลุ่มอำนาจ ซึ่งจะเป็นเดือดเป็นแค้นและคลั่งแค้น หากพวกเขา “ตกเวทีอำนาจ” เมื่อใดก็ตาม ที่ฝ่ายประชาชนชนะหรือได้เปรียบ ต้อง “จับตา” ดูการ “ตอบโต้” จากกลุ่มเหล่านี้ เหตุการณ์ในช่วงตั้งรัฐบาล หลัง 14 พ.ค. การแสดงความเป็น “เจ้าของการเมือง” ของนักการเมืองแต่งตั้ง ก็เห็นชัดไประดับหนึ่งแล้ว “การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือยกร่างใหม่” ที่กำลัง “เริ่มนับหนึ่ง” ก็ไม่น่าจะราบรื่น จะนับได้ถึงเลขไหน ต้องรอดูกัน!!
กาแฟป่า