ผู้เขียน | เดินหน้าชน |
---|
ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ของโลกปะทุขึ้นมาอีกคู่ ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มปาเลสไตน์ ขณะที่สงครามคู่เดิมระหว่างรัสเซียกับยูเครน ก็ยังยืดเยื้ออยู่
ทำให้สถานการณ์โลกร้อนแรงขึ้นไปอีก ทั่วโลกต่างจับตาดูว่าการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ รอบนี้ จะรุนแรง และยืดเยื้อแค่ไหน จะลุกลามขยายวงหรือไม่
หากเป็นการสู้รบเฉพาะคู่ขัดแย้งที่มีกันมานานนี้ ไม่บานปลาย ผลกระทบคงอยู่ในวงจำกัด
แต่หากประเทศที่หนุนหลังของแต่ละฝ่ายลงมาเปิดศึกกันด้วย จะทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางลุกเป็นไฟ โลกเสี่ยงเกิดวิกฤตแน่
ผลกระทบที่ประเทศต่างๆ ต้องรับเคราะห์ไปด้วย นั่นคือราคาน้ำมันคงทะยานขึ้นไปอีก เนื่องจากประเทศตะวันออกกลางเป็นแหล่งน้ำมันดิบ เกือบ 1 ใน 3 ของโลก
ขณะที่ก่อนหน้านี้เกิดการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ก็ได้รับผลกระทบด้านพลังงานกันไปพอสมควร เมื่อมาเจอศึกอิสราเอลกับปาเลสไตน์เข้าไปอีก ยิ่งมีโอกาสสูงที่ราคาพลังงานจะพุ่งพรวด
ปัจจุบันราคาน้ำมันโลกก็ยืนอยู่ระดับสูงอยู่แล้ว ลองไปไล่ดูสถานการณ์ราคาน้ำมันช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดิบยังเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี หลังซาอุดีอาระเบียขยายเวลาปรับลดกำลังผลิตเพิ่มเติมที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปี
ขณะที่รัสเซียประกาศลดส่งออกน้ำมันดิบที่ระดับ 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปีเช่นเดียวกัน
กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันโลกยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยจะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2567 แต่หากกลุ่มโอเปค ยังคงเดินหน้าลดกำลังการผลิตต่อ จะยิ่งทำให้ราคาสูงขึ้นอีก
ขณะที่รายงานสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) ของรัฐบาลสหรัฐ ประจำเดือนกันยายน คาดว่าตลาดน้ำมันมีความต้องการมากกว่าการผลิต ช่วงไตรมาส 3/66 และ 4/66 ที่ระดับ 0.6 และ 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จึงคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในไตรมาส 4/66 จะอยู่ที่ระดับ 93 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมายังมีปัจจัยจากจีนมาช่วยดึงราคาน้ำมันได้บ้าง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังไม่ดีนัก ตัวเลขทางเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม ยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง อาทิ อัตราเงินเฟ้อ อยู่ที่ -0.3% ส่อถึงสภาวะเงินฝืด ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
นอกจากนี้ ตัวเลขการนำเข้าและส่งออกเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม หดตัวลงเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แพร่ระบาด
รวมทั้งความกังวลต่อวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังบริษัท Evergrande ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาฯ มียอดขายบ้านเป็นอันดับที่ 2 ยื่นคำร้องขอความคุ้มครองการล้มละลายต่อศาลในสหรัฐ ขณะที่บริษัท Country Garden ที่มียอดขายบ้านเป็นอันดับที่ 1 เริ่มส่งสัญญาณผิดชำระหนี้หุ้นกู้ หลังไม่สามารถชำระหนี้ได้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
แต่ต้องจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจจีนในช่วงที่เหลือของปีว่าจะมีสัญญาณฟื้นตัวแค่ไหน หลังรัฐบาลจีนเริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
หากเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นขึ้น ความต้องการใช้น้ำมันก็ตามมา ราคาน้ำมันก็จะขยับขึ้นอีก
อีกปัจจัยที่ช่วยดึงราคาน้ำมัน คืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ และยุโรปมีแนวโน้มทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อกลับมาอยู่ที่ระดับเป้าหมายที่ 2%
นั่นเป็นสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ก่อนสงครามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์จะปะทุขึ้นมา และ
ขณะนี้ยังไม่มีทีท่าจะสงบในเร็ววัน
ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยต้องเตรียมแผนเอ–บี–ซี รับมือราคาน้ำมันแพงให้ดี
สัญญา รัตนสร้อย