แบงก์ชาติ แจงสภาเอง รบ.แจกเงินดิจิทัล จำเป็นน้อย ยันชัดได้ผล ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย

‘แบงก์ชาติ‘ แจง กมธ.เศรษฐกิจ ย้ำ ดิจิทัลวอลเล็ตจำเป็นน้อย ผลต่อเศรษฐกิจได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ด้าน ‘ประธาน กมธ.’ เผย คลัง อุบเงียบยืมเงินรัฐวิสาหกิจทำโครงการ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะประธาน กมธ. พิจารณานโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยมี น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน พร้อมด้วยตัวแทนจากกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงให้ข้อมูล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงต้นของการพิจารณา น.ส.ดารณีกล่าวย้ำว่า โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท โดยผู้ที่มีสิทธิจะต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินจำนวน 1 หมื่นบาท ซึ่งรัฐบาลต้องการกระตุ้นอุปโภคบริโภคของประชาชน แต่มุมมองของ ธปท.เห็นว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกที่เกี่ยวกับการบริโภคภาคเอกชน มองว่าความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรวมผ่านโครงการนี้ยังมีไม่มาก เนื่องจากภาพรวมการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้สูง และตลาดแรงงานก็ฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังนั้น ผลของโครงการต่อเศรษฐกิจ อาจจะไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

ทั้งนี้ นายสิทธิพลเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ยังรอความชัดเจนของนโยบาย ซึ่งผู้แทนจากกระทรวงการคลังยังไม่สามารถให้รายละเอียดที่ชัดเจน แต่ยังให้โอกาสรัฐบาลในการทำนโยบาย และเชื่อว่า รัฐบาลพยายามฟังเสียงรอบด้าน ทั้งข้อเสนอแนะและข้อทักท้วง ซึ่งจะเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้รัฐบาลออกแบบนโยบายได้ดี และไม่ทำให้เกิดผลเสีย หรือเกิดผลเสียให้น้อยที่สุด

Advertisement

“อยากให้รัฐบาลคำนึงถึงผลกระทบรอบด้าน ข้อดี ข้อเสียของนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแหล่งที่มาของงบประมาณ การนำไปใช้ วิธีการ ผลกระทบระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งทางกระทรวงการคลังชี้แจงว่า ยังอยู่ในระหว่างการหารือการตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานในเรื่องต่างๆ ซึ่งเร่งทำอยู่ วันนี้ทางกระทรวงการคลังไม่ได้ชี้แจงเรื่องแหล่งที่มาของเงิน บอกแต่เพียงว่ากรอบงบประมาณที่ใช้จะคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง โดยไม่ได้บอกว่าจะมีการนำแหล่งเงินจากการยืมจากรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ซึ่ง กมธ.จะมีการติดตามความคืบหน้าของโครงการการนี้ต่อไป” นายสิทธิพลกล่าว

เมื่อถามว่า โครงการนี้จะเกิดประโยชน์ได้จริงหรือมีผลเสียมากกว่าผลดีหรือไม่ นายสิทธิพลกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาล เรารอความชัดเจนของนโยบายถึงจะได้ประเมินได้ครบถ้วน เพราะในขณะนี้ประเมินจากข้อคิดเห็น และการนำเสนอผ่านสื่อเท่านั้น และหากพูดในฐานะ ส.ส.คนหนึ่ง ก็อยากให้โครงการนี้คุ้มค่ากับงบประมาณ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image