พลังประชารัฐ ติวเข้ม 3 ยุทธศาสตร์ วาง 11 กลยุทธ์ พลิกโฉมพรรค แข็งแกร่ง-ทันสมัย

“กก.ยุทธศาสตร์“ชู หลักสำคัญขับเคลื่อนทางการเมือง – นโยบาย ผลิกโฉมภาพลักษณ์ ยืนยัน พปชร.คือสถาบันทางการเมือง ต้องแข็งแกร่งต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2566 ที่รร.อินเตอร์คอนติเนนตัล จ.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดสัมมนาพรรค “รวมพลัง สามัคคี” มี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่ปรึกษาพรรค พปชร. เป็นประธานเปิดงานสัมมนา มีแกนนำ กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค 7 ด้าน และ สส.พรรค เข้าร่วมพร้อมเพรียง

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยแจ้งว่ามีอาการขาแพลง ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค ติดภารกิจในการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.พังงา ตลอดทั้งวัน

จากนั้น เวลา 10.10 น. ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านต่างๆ กล่าวถึงทิศทางการทำงานของพรรคต่อ สส. โดย พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ประธานยุทธศาสตร์ด้านประสานงานและอำนวยการ  พปชร. กล่าวว่า เราถอดบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ที่ยึดมั่นตามเจตจำนงของพรรค คือการปกป้องสถาบันหลักของชาติ ธำรงไว้. ซึ่งประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข. ที่จะไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ สร้างความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน ทำให้ประชาชนและคนในชาติหลุดพ้นจากความยากจน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไปสู่การเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ อนุรักษ์นิยมก้าวหน้า คือ ก้าวหน้าทันสมัย แต่ยังคงยึดมั่นสิ่งที่เป็นสถาบันหลักของชาติ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาประชาธิปไตย

Advertisement

พรรคจะเป็นสถาบันการเมืองที่มีเสถียรภาพ มีฐานคะแนนเสียงจากทุกภาคส่วนตัวแทนเป็นตัวแทนของประชาชนที่จะมอบความไว้วางใจให้กับแกนนำในการบริหารประเทศ สู่การพัฒนาที่ก้าวหน้ายั่งยืน โดยนำยุทธศาสตร์ของพรรคทั้ง 3 ยุทธศาสตร์ แบ่งเป็น 11 กลยุทธ์ เป็นพันธกิจในการก้าวไปข้างหน้า คือ การขับเคลื่อนทางการเมือง ขับเคลื่อนนโยบาย และการขับเคลื่อนเพื่อผลิกโฉมอัตลักษณ์ของพรรค

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การขับเคลื่อนทางการเมือง คือ การแสดงบทบาทท่าทีและจุดยืนทางการเมือง บนพื้นฐานอุดมการทางการเมือง สอดคล้องกับทิศทางนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ในการปฏิรูปการเมือง เพื่อสร้างประชาธิปไตย ปราศจากความขัดแย้ง ก้าวข้ามความขัดแย้ง ฟื้นฟูบริบททางการเมืองให้เกิดความปรองดอง ของคนในชาติและต่างประเทศ สู่ความเจริญก้าวหน้า

“การขับเคลื่อนนโยบาย คือ การสร้างความทันสมัยและยังยืน ผลักดันนโยบายเพื่อพลิกโฉมประเทศ ในเรื่องนโยบายของประเทศ ที่พรรคพปชร.ขับเคลื่อน เพื่อเผชิญกับความท้าทายระดับโลก ระดับประเทศ อันเนื่องมาจากความเหลื่อมล้ำของสังคม รวยกระจุก จนกระจาย การเข้าสู่สังคมสูงวัย การปฏิวัติทางเทคโนโลยีดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงสังคมดิจิทัล ที่มีความเสี่ยงในเรื่องของความมั่นคงทางด้านอาหาร การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ ความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ ซึ่งเป็นวิกฤตที่ไม่มีใครคาดคิด ว่าประเทศจะต้องเตรียมความพร้อมในลักษณะใด”

Advertisement

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ ยังกล่าวต่อว่าการขับเคลื่อนเพื่อผลิกโฉมอัตลักษณ์ของพรรค การปฏิรูปการบริหารภายในพรรค โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้จัดระเบียบคณะกรรมการ แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับการที่จะสร้างอัตลักษณ์ หรือสร้างภาพจำใหม่ เพื่อก้าวไปสู่สถาบันการเมือง มีฐานคะแนน เป็นตัวแทนเครือข่ายให้มีส่วนร่วมอย่างวิถีประชาธิปไตย ใช้กลยุทธ์ทางการเมืองให้มีการสื่อสารแบบสมัยใหม่ ขณะที่ ยุทธศาสตร์ของพรรคแบ่งเป็น 3 ด้าน ในการขับเคลื่อนทางการเมือง

ด้านนายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการด้านนโยบายและการปฏิรูปเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า เครื่องมือสำคัญในการทำงานของรัฐบาลคือนโยบาย และกระบวนการขับเคลื่อนนโยบายให้ได้ผลสำเร็จ โดยมี 5 โจทย์ใหญ่ คือ เรื่องปากท้อง ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศไว้เร่งด่วน เช่น การแจกเงินดิจิทัลการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวลดภาระค่าใช้จ่ายการหนี้สินภาคการเกษตรลดราคาพลังงานและผลักดันซอฟพาวเวอร์ ส่วน4 โจทย์ใหญ่ เป็นเรื่องของอนาคตที่ประชาชนคาดหวัง คือ ขจัดความยากจนและความเหลื่อมล้ำที่ฉุดรั้งพัฒนาประเทศ ,ลดภาระหนี้ครัวเรือนปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและภัยแล้ง, โครงสร้างประชากรสูงวัยและแรงงานที่ยังขาดทักษะ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่า ภารกิจของเราคือการทำงานร่วมกัน โดยความสำเร็จของการเลือกตั้งคือเป้าหมายของเรา ความนิยมของพรรคเป็นไปตามกระแสการเมืองซึ่งมีความสำคัญ และมีผลต่อการเลือกตั้งในหลายพื้นที่ และตนหวังว่าในครั้งหน้า สส.ทั้ง 39 บวก 1 คนจะได้กลับมาอีก วันนี้เราต้องปรับภาพลักษณ์ของพรรค ซึ่งไม่ใช่ว่ามีปัญหา แต่เมื่อบริบทการเมืองเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราต้องปรับภาพลักษณ์ของพรรคให้สอดคล้องกับบริบทการเมืองสอดรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราจะต้องช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ของพรรคให้เป็นที่นิยม

“จาก 3-4 เดือนที่มีการประเมินในหลายพื้นที่ ภาพลักษณ์ของพรรคเรากำลังพลิกกลับมา เนื่องจากการเมืองภาพลักษณ์ของพรรคการเมืองจะพลิกกันไปพลิกกันมา พรรคนี้อาจจะมาแล้วแต่อาจจะแผ่ว บางพรรคอาจไปสะดุดขาตัวเองบางเรื่อง อีกสิ่งหนึ่งคือเราต้อง ตอบตัวเองให้ได้ว่า ใครคือโหวตเตอร์ที่สนับสนุนพรรค ทุกท่านที่ผ่านการเลือกตั้งเรารู้อยู่แล้วว่าเสียงของเราอยู่ที่ไหน ดังนั้นเราจะต้องปรับตัวเองให้สอดรับกับฐานเสียงของพรรคและตรงไหนที่ฐานเสียงเรายังไปไม่ถึงเราจะปรับตัวอย่างไร”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการทำงานของพรรค เราต้องสร้างการยอมรับกับพรรค ทั้งนโยบายการทำงาน ภาพบุคลากรของพรรคต้องโดดเด่น จึงต้องร่วมกันทำงานทุกฝ่าย ยุคนี้พรรคต้องปรับบทบาทในสภาให้โดดเด่น เพราะประชาชนมองบทบาทของสส.ในสภา ซึ่งจากที่ตนและคณะได้ติดตาม การทำงาน สส.ในสภาก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ เราเก็บทุกคลิปที่สส.พรรคอภิปรายมาสื่อสารในพรรค รวมถึงผลงานของพรรคต้องจับต้องได้ และในมิติของการบริหารในกระทรวงที่พรรครับผิดชอบ ผลงานของกระทรวงคือผลงานของพรรค และขยายลงพื้นที่

“เป้าหมายของพรรค พปชร.ต้องยืนหยัดเป็นสถาบันทางการเมือง พรรคพปชร. จะต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และจะต้องเป็นพรรคที่จะเข้าไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างสง่าภาคภูมิ และเป้าหมายคือทุกท่านต้องกลับมา และการเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะต้องได้สส.มากกว่าเดิม แต่วันนี้เร็วเกินไปที่จะบอกว่าได้สส.เท่าไหร่ ซึ่งทุกคนจะต้องช่วยกันในจังหวัดของท่านจะต้องขยายเขตเลือกตั้ง และเตรียมสรรหา ผู้สมัครที่มีความแข็งแกร่งรองรับเอาไว้ สส. แต่ละจังหวัดนอกจากจะมีหน้าที่รักษารักษาพื้นที่แล้ว ยังจะต้องมองพื้นที่ที่มีโอกาสที่เรามีบุคลากรมีผู้สมัครในอนาคตมาทำงานร่วมกัน เพื่อเตรียมการเลือกตั้งครั้งต่อไป

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ทุกคนต้องทำหน้าที่เชื่อมโยงกับกระทรวง เชื่อมโยงกับรองนายกฯ ซึ่งตนได้เรียนกับพล.ต.อ. พัชราวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แลรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพปชร.ก็พร้อมทำงานร่วมกับเรา และจะมาร่วมประชุมพรรคให้บ่อยขึ้น ภารกิจที่พรรครับผิดชอบจะต้องเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไม่ใช่เป็นเรื่องของพรรค แต่ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของหัวหน้าพรรค ที่ต้องการให้เราทำงานร่วมกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image