อดีตเลขาฯสมช. อัดผลพวงรบ.ประยุทธ์ ทำเสียเปรียบซื้อเรือจีน แนะเอาเงินคืน แล้วประมูลใหม่

อดีตเลขาฯสมช. อัดผลพวง รบ.ประยุทธ์ ทำเสียเปรียบซื้อเรือจีน แนะเอาเงินคืน แล้วเปิดประมูลใหม่

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2566 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า กรณีเรือดำน้ำของกองทัพเรือที่สร้างจากจีนอับปางก่อนสร้างเสร็จ เพราะขาดเครื่องยนต์ตามข้อสัญญา รัฐบาลต้องมีความชัดเจนต่อสังคมว่า ใครเป็นผู้กระทำผิดสัญญาและเงื่อนไขในสัญญาเป็นเช่นไร แต่โดยมาตรฐานทั่วไปแล้ว หากทางจีนเป็นผู้ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายไทย โดยคืนเงิน 7 พันล้านที่ฝ่ายไทยจ่ายไปล่วงหน้า หรืออาจจะแปลงเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์หรือสินค้าอื่นชดเชยก็ได้ในวงเงินเดียวกัน การยุติเรือดำน้ำจีนประชาชนต่างมองว่า เป็นเพราะความด้อยประสิทธิภาพในการจัดหายุทโธปกรณ์ ข้อเสนอของกองทัพเรือต่อกรณีเมื่อไม่ได้เครื่องยนต์เยอรมันตามสัญญาก็จะขอเป็นเครื่องยนต์เทียบเท่าของจีนแทนก็ได้ แต่เมื่อกระทรวงกลาโหมไม่เห็นชอบกองทัพเรือก็เสนอขอเปลี่ยนเป็นการจัดหาเรือฟรีเกตจากจีนแทน ซึ่งข่าวว่ากลาโหมจะเห็นด้วยกับแนวทางนี้

“ข้อเสนอทั้งสองข้อนี้ หากยังเป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ก็คงใช้แนวทางนี้เช่นกัน เพราะทีมฝ่ายเสนาธิการที่เสนอล้วนเป็นคนของรัฐบาลประยุทธ์ มันเป็นแนวแบบที่ไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายไทย แต่เป็นแนวแบบอ่อนข้อให้กับทางจีน ในกรณีการจัดหาเรือฟรีเกตแนวทางที่ถูกต้องเหมาะสมเป็นธรรมกับไทยควรประกวดราคาจัดหาใหม่ เพราะมีคู่เทียบเช่นเดียวกับที่กองทัพเรือได้จัดหาเรือฟรีเกตครั้งล่าสุดก็ใช้วิธีการนี้และได้ผู้ชนะคือประเทศเกาหลี ไม่ใช่เป็นการเฉพาะเจาะจงว่า ต้องจัดหาจากจีน ปรากฏการณ์เรือรบอับปาง 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำนั้น ล้วนเป็นเรื่องน่าอดสูที่ก่อเกิดมาจากยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มีรากเหง้ามาจากการรัฐประหาร สร้างวัฒนธรรมตระบัดสัตย์ โกหกประชาชนมาบริหารประเทศ ไม่เคยพัฒนาสร้างกองทัพเป็นทหารอาชีพ ประชาชนจึงไม่ศรัทธาให้กลับมาบริหารประเทศอีก แต่ก็ยังใช้อุบายข้ามขั้ว เพื่อกลับเข้ามาครอบงำงานความมั่นคงเพื่อมิให้รัฐบาลใหม่มารื้อฟื้นความเฮงซวยที่พวกตนกระทำไว้นั่นเอง เชื่อว่า รัฐบาลที่มีที่มาแบบนี้ จะอยู่ได้ไม่นาน” พล.ท.ภราดรระบุ