ดร.สุรชาติ แนะรบ.ยึดโจทย์ทหาร เปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือคอร์เวต คือทางออกที่ดีที่สุด

ดร.สุรชาติ แนะ รบ.เปลี่ยนเรือดำน้ำ เป็นเรือคอร์เวต แก้ปัญหาเฉพาะหน้า หลัง รล.สุโขทัยล่ม น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคง จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ The Politics ทางเพจ มติชนทีวี ถึงทางออกของรัฐบาลในการจัดซื้อเรือดำน้ำจีน หลังมีแนวทางขอเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตว่า ต้องยอมรับว่าโจทย์ใหญ่วันนี้ มีทั้งโจทย์ทางการทหาร และโจทย์การเมืองคู่ขนาน โจทย์การทหารวันนี้คือ เอาเรือดำน้ำแลกเรือคอร์เวตก่อน เพื่อแก้ปัญหาเรือหลวงสุโขทัยล่ม น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

ส่วนตัวยังยืนยันว่า การเอาเรือดำน้ำที่มีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ แลกเรือในระดับที่มูลค่าใกล้เคียงกัน และเป็นเรือที่อาจตอบโจทย์ความต้องการทางยุทธศาสตร์ทางทะเลของไทยเฉพาะหน้า นั่นคือเราต้องการเรือคอร์เวต เพื่ออุดปัญหากรณีเรือหลวงสุโขทัยล่ม ที่วันนี้ยังไม่มีกระบวนการการกู้เรือเลย ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร แล้วตนยืนยันว่า กู้มาแล้วซ่อมคุ้มหรือไม่ ตอบได้เลยว่า ไม่คุ้มแน่นอน

ดังนั้น การยอมเปลี่ยนเป็นเรือจีนเพื่อปิดช่องโหว่นี้น่าจะเป็นทางออก ซึ่งในการทางทหาร กองทัพเรือจะขอเปลี่ยน แต่มีการขอเพิ่มเงินนั้น ตนคิดว่าจะกลายเป็นปัญหาทางการเมืองต่อ ไม่ใช่ปัญหาทางการทหารแล้ว มันเป็นโจทย์อีกชุด เหมือนเป็นการจัดซื้อซ้อนอีกแบบหนึ่ง ซึ่งขอเรียนตามตรงถึงกองทัพเรือว่า กรณีนี้ไม่น่าจะเป็นทางที่ดี แล้วต้องขออนุญาตบอกถึงคุณสุทิน คลังแสงว่าอย่าตัดสินใจอย่างนั้น ไม่อยากเห็นคุณสุทินเอาเรื่องเรือฟริเกตที่ต้องเพิ่มเงินอีกมหาศาลไปโยนให้ ครม. โดยเฉพาะท่านนายกฯเป็นคนตัดสิน

Advertisement

ทั้งนี้ รมว.กลาโหมมีหน้าที่กลั่นกรองเรื่อง ความเห็นจากกองทัพเรือไม่ใช่ข้อยุติ แต่เป็นความเห็นของเหล่าทัพที่นำเสนอเพื่อให้ รมว.กลาโหมตัดสินใจ ถ้า รมว.กลาโหมดำรงตำแหน่งเป็น รมต.แล้วไม่สามารถมีวิสัยทัศน์จะตัดสินใจข้อเสนอของเหล่าทัพได้ จะทำให้เกิดปัญหาไปเรื่อยๆ แล้วจะกลายเป็นปัญหาทางการเมือง วันนี้คุณสุทินต้องตระหนักว่าข้อเสนอของกองทัพเรือเป็นเพียงข้อเสนอ รมว.เป็นผู้ชี้ขาด ก่อนนำเข้า ครม.ถ้าเอาเข้า ครม.ในความเห็นตนมีอย่างเดียว คือขอเปลี่ยนทีโออาร์เพื่อปรับความต้องการของรัฐบาลไทย

มีคนโพสต์บอกว่า ถ้าจะเปลี่ยนตัวเรือจะเปลี่ยนไม่ง่าย ซึ่งแน่นอนไม่ง่ายจริงๆ แต่ตนคิดว่า ถ้าไม่เปลี่ยนยุ่งกว่าฝ่ายที่ออกมาค้านไม่ให้เปลี่ยน ต้องออกมาตอบเหมือนกันว่า ถ้าไม่เปลี่ยนเท่ากับท่านยืนยันให้รัฐบาลไทย รับเรือดำน้ำที่เป็นเครื่องยนต์จีนอย่างนั้นหรือ เรื่องนี้คนเหล่านี้ต้องตอบ รวม กมธ.ทหารด้วย ไม่ใช่ กมธ.ทหารคิดว่าทุกอย่างต้องทำอะไร ตรงข้ามกับทหารหมดถ้า กมธ.ทหารคิดได้เพียง ทำตรงข้ามกับทหาร ส่วนตัวคิดว่า ไม่ใช่ กมธ.ในรัฐสภาแล้ว

“ผมว่าระบอบประชาธิปไตย ต้องตั้งหลักก่อนว่าทุกอย่างต้องชนกับทหารหรือไม่ แต่สำหรับตนคิดว่าการชนกับทหารต้องชนในมิติทหาร และมิติทางยุทธศาสตร์ เพราะโจทย์เรือดำน้ำวันนี้ไม่ใช้โจทย์ทางทหารอย่างเดียว แต่เป็นโทจย์ที่ซ้อนกับปัญหาทางการเมืองด้วย” ดร.สุรชาติระบุ

Advertisement

เมื่อถามว่า ดูสัญญาณแนวโน้มจะเปลี่ยนไปทางเรือผิวน้ำแล้ว นายกฯก็ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เสียเปรียบแน่ๆ แต่สำหรับอาจารย์คิดว่า เรือคอร์เวต แบบเรือสุโขทัย น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่มีการพูดถึงเรื่องฟริเกตอย่างเดี่ยว ซึ่งเป็นเรือที่ใหญ่ ดร.สุรชาติกล่าวว่า มันเป็นเรือที่ใหญ่ขึ้นโดยมูลค่า เพราะวันนี้ผมว่าข้อถกเถียงนี้ไม่ใช่ข้อถกเถียงทางยุทธ์ศาสตร์ทางทะเล แต่เรื่องที่ออกมาเป็นปัญหาเรื่องเงินที่ไทยต้องจ่ายเพิ่ม เรายังไม่ได้ยินข้อถกเถียงเลยนะว่า ตกลงกองทัพเรือไทยต้องการคอร์เวต หรือฟริเกตกันแน่

“มาถึงจุดนี้ผมคิดว่า เราต้องยอมรับว่าจะไปถึงขั้นแตกหักเลย คงไม่ได้ ปัญหาคือจะประนีประนอมเพื่อไม่ให้ไทย เสียประโยชน์มากที่สุดได้อย่างไร”

เมื่อถามว่า ในมุมอาจารย์ถ้าเปลี่ยนเป็นเรือคอร์เวต ไทยก็ไม่ต้องจ่ายอะไรมากไปกว่านี้ นายสุรชาติกล่าวว่า เรายังไม่รู้ราคาเรือจีน แต่เรารู้ราคาเรือดำน้ำที่จ่ายประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท เพราะฉะนั้นจะต้องทำเรื่องราคากันให้เกิดความชัดเจน แต่สิ่งที่เราได้ยินคือ ถ้าจะซื้อฟริเกตต้องเพิ่มเงินอีก 1 พันกว่าล้านบาทก็จะมีปัญหาทันที ตกลงมิติทางทะเลของไทยอยู่ที่สตางค์อย่างเดียวใช่ไหม รวมถึงบุคคลสาธารณะบางส่วนที่โพสต์กันออกมา ซึ่งน่าตกใจเหมือนกับจะบีบให้รัฐบาลเดินเส้นทางเดิม คือการรับเครื่องยนต์จีนใส่เรือดำน้ำ ตนคิดว่าเรื่องนี้สังคมไทยต้องตั้งสติคิด เพราะเรื่องนี้โจทย์ที่ใหญ่กว่า คือปัญหาเรื่องเรือดำน้ำของจีน

“วันนี้เราตอบชัดว่าเราไม่ต้องการ ส่วนเรื่องเครื่องยนต์เยอรมันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ผมเชื่อว่าเครื่องยนต์จากจีน อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เมื่อเราต้องหาทางออกกองทัพเรือก็อย่าเพิ่งฉวยโอกาส เพราะการเพิ่มเงินอีก พันกว่าล้านนั้น ผมคิดว่าสังคมรับไม่ได้ เบื้องต้นกองทัพต้องตอบก่อนว่า จะแลกเรืออะไร เราไปตอบว่าถ้าไม่เอาเรือดำน้ำ แล้วก็ไปสู่โจทย์ข้อที่ 2 คือเรือฟริเกต ก็เท่ากับว่าต้องบวกเงินเพิ่มพันกว่าล้าน แต่เรายังไม่เคยตอบเลยว่าถ้าเป็นคอร์เวต ราคาอยู่ประมาณไหน”

“อย่างไรก็ตาม การแก้ทีโออาร์ สำหรับผมทำได้ เพราะสัญญาเป็นอะไรที่เจรจากันได้ ผมว่าเรื่องนี้ต้องแฟร์กับปัญหาประเทศ ในเมื่อสินค้าที่ซื้อมามีปัญหา จะให้กองทัพเรือกับรัฐบาลดันทุรังซื้อ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่า สินค้าที่ซื้อมามีปัญหาหรือ” ดร.สุรชาติกล่าว และว่า ในกรณีนี้อย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นขอดูราคาเรือคอร์เวตก่อน เอาเฉพาะหน้า ลองตัดสินใจก่อนว่าจะมีเรื่องทดแทนเรือหลวงสุโขทันไหม ถ้ามีแล้ว ราคาไล่เลี่ยกัน ส่วนตัวคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดของเรา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image