พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค มทภ.4 หนุนชายแดนใต้เป็นสนามการค้า

พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค มทภ.4 หนุนชายแดนใต้เป็นสนามการค้า

พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้สัมภาษณ์พิเศษ มติชน เกี่ยวกับภารกิจหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าการดูแลพื้นที่ขณะนี้จะพยายามลดการก่อเหตุให้ได้มาก หากมีเหตุการณ์ต้องรีบแก้ไขให้ทันท่วงที

ในห้วงปี66 ที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ แม้จะเกิดเหตุการณ์มากขึ้นกว่าปีก่อน แต่ก่อกวนมากกว่า มักจะกระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐส่วนใหญ่ จะมีบ้างทำให้ทรัพย์สินทั้งของหลวงและพี่น้องประชาชนสูญเสีย ส่วนสิ่งที่เห็นชัดเจนคือพี่น้องประชาชนทั้งไทยพุทธและมุสลิมเริ่มประกอบธุรกิจ ค้าขาย ยกตัวอย่าง ผลไม้ลองกองและทุเรียนในพื้นที่มีพ่อค้ามาจากพื้นที่อื่นเข้ามาเหมาออกไปมากพอสมควร พี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่เริ่มจะมุ่งเน้นเรื่องของเศรษฐกิจมากกว่า

หากนับตั้งแต่หลังก่อเหตุ เกิดแพร่ระบาดโควิด เศรษฐกิจในพื้นที่เริ่มดีขึ้น มีคนมาเที่ยวจังหวัดชายแดนมากขึ้น โรงแรมที่พักต่างๆ ในห้วงวันหยุดยาวมีคนเข้ามาใช้บริการกันมากขึ้น

Advertisement

ผมมั่นใจว่าถ้าพี่น้องประชาชนในพื้นที่จะช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยเจ้าหน้าที่รัฐ แจ้งเตือนข่าวสารต่างๆ และที่ผ่านมาก็มีการแจ้งเตือนอยู่หลายเคสจนนำไปสู่การจับกุม หรือเข้าสู่กระบวนการที่จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

•กำลังทหารพรานถูกลดยอดไปกว่า 800 นาย ได้จัดกำลังพลเสริมจากส่วนอื่น
เข้าไปอย่างไร

การถอนกำลังกลับไปเป็นไทม์ไลน์ของ กอ.รมน.ภาค 4 อยู่แล้ว ตั้งแต่ปี 2547 หรือ 19 ปีที่เกิดเหตุการณ์มา โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2560 เราเริ่มลดกำลังลง ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เหลืออยู่ไม่ถึง 50,000 หรือ 40,000 กว่านาย ขั้นตอนแรกคือลดกำลังทหารที่มาจากกองทัพภาคที่ 1, 2 และ 3 โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ลดลงไปประมาณ 800 กว่านาย ถือว่ายุบไปเลย และเพิ่มเติมจากจากกองพลทหารราบที่ 15 ในทุกพื้นที่ที่ทหารพรานได้ยุบหน่วยไป แล้วก็ยังเสริมกำลังตามแนวชายแดนเพื่อสกัดกั้นเข้าไปอีก มั่นใจว่ากำลังของทหารเพียงพอ

Advertisement

•การก่อเหตุ ฝ่ายผู้ก่อเหตุในปีที่แล้วและปีนี้เป็นอย่างไร

เมื่อเปรียบเทียบปี 2565 และปี 2566 การก่อเหตุกับความมั่นคงนั้นเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 8 เหตุการณ์ กลุ่มผู้ก่อเหตุมักกระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐและเป็นการก่อกวนซะเยอะ ไม่ว่าจะยิงรบกวนฐาน เผาป้าย เผากล้องวงจรปิด ติดป้ายผ้าต่างๆ รวมทั้งการใช้ระเบิดแสวงเครื่องวางเร่งด่วน หรือวางทิ้งไว้ เราต้องรีบแก้ไข ที่เลือกการกระทำต่อของพี่น้องประชาชนนั้นลดน้อยลง ต้องมาปรับรูปแบบปรับยุทธวิธีเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ อส.ต่างๆ จะป้องกันอย่างไรให้เจ้าหน้าที่รัฐปลอดภัยแต่ยังปฏิบัติงานได้ในพื้นที่

ในปีงบประมาณ 2567 ตั้งเป้าให้ได้ว่าจะพยายามไม่ให้เหตุเกิดมากขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าพอเราป้องกันได้ก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นคนกระทำกับคนที่ป้องกันนั้นก็มีความยากพอสมควร แต่ไม่เกินขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่รัฐของเราทุกส่วน ยกตัวอย่าง เมื่อคืนวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา มีการก่อเหตุปล้นร้านทองในพื้นที่ของ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ตรงนี้นะครับ กลุ่มผู้ก่อเหตุจะเปลี่ยนยุทธวิธี เปลี่ยนการปฏิบัติ เปลี่ยนการทำงานไปอีกแบบหนึ่ง

•ความจำเป็นที่ยังต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินในบางพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ตามไทม์ไลน์ในการปฏิบัติงาน พื้นที่ไหนไม่เกิดเหตุการณ์ ไร้ความเคลื่อนไหว พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นกฎหมายพิเศษยกเลิกได้อยู่แล้ว แต่จะดูสถิติการก่อเหตุต่างๆ ในพื้นที่ ถ้าพื้นที่อำเภอนี้ยังมีความเคลื่อนไหว ยังมีภาพข่าว หรือการก่อเหตุเกิดขึ้น ผมก็ยังคงต้องมีเรื่องกฎหมาย พ.ร.ก.พิเศษตรงนี้อยู่ แต่ถ้าพื้นที่ในการก่อเหตุไม่มี หรือแทบไม่มีเลย ผมยกเลิกได้ไม่มีปัญหา อยู่ที่ความพร้อมของเจ้าหน้าที่รัฐด้วย ถ้าไม่มีกฎหมายพิเศษก็สามารถนำไปใช้กฎหมายปกติ

ในเมื่อเราใช้กฎหมายปกติ เจ้าหน้าที่รัฐต้องมีความพร้อม ทั้งครื่องมือ อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ยังมองว่าเมื่อมี พ.ร.ก.กฎหมายพิเศษฉบับนี้ต้องมีในพื้นที่ที่มีความจำเป็น ถ้าใช้กฎหมายปกติทั่วไปจะทำให้จับกุม การสืบสวนขยายผลไปสู่ผู้ที่ก่อเหตุจริงๆ นั้นทำได้ยาก เมื่อมีกฎหมายพิเศษจะมีเวลาในการพูดคุย ซักถามสืบสวนผู้ที่ถูกจับกุม การมีระยะเวลาอยู่กับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เราบังคับใช้กฎหมายมาได้นั้นทำให้เราเข้าใจ มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน เขาพร้อมจะระบายว่าเกิดการหลงผิดไปแล้ว ในเรื่องของการสาบานตน หรือซุมเปาะห์ต่างๆ ก็เหมือนกัน เป็นหลักศาสนาของพี่น้องมุสลิม เมื่อได้รับการปลูกฝังการซุมเปาะห์ที่ผิดๆ มาเราก็สามารถแก้ไขให้ได้ เขาก็จะยอมพูดสิ่งที่เขาทำผิดกฎหมาย สิ่งที่เขากระทำมา สิ่งนี้แหละที่เห็นว่าจำเป็นต้องยังคงมีอยู่

•ขณะนี้พบพี่น้องประชาชนเริ่มกลับคืนภูมิลำเนาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้กันมากขึ้น

อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น ที่ผ่านมาเรื่องของเศรษฐกิจการค้าขายตามแนวชายแดนก็ตาม ตลาดเริ่มดีขึ้น พี่น้องประชาชนเคยมีบ้านในพื้นที่ก็มองแล้วว่าน่าจะกลับมา ที่นี่คือบ้านเรา ก็เห็นหลายๆ คนพร้อมกลับมา เราก็สนับสนุนเต็มที่ เจ้าหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนให้ได้ คาดว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับพี่น้องประชาชนน่าจะกลับมามากขึ้น เพราะพื้นที่ตรงนี้คือ
บ้านเกิดของเขา

•สำหรับแผนการพูดคุยกับฝ่ายบีอาร์เอ็นนั้น ในระดับพื้นที่มีแนวโน้มเป็นอย่างไร

เคยกล่าวไว้แล้วว่า พื้นที่จะสงบได้ไม่ใช่การใช้กำลัง ยังยืนยันอยู่จนทุกวันนี้ สันติสุขจะเกิดได้คือการพบปะ การพูดคุยกัน ปัจจุบันมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ทั้งส่วนของเราและมาเลเซีย มั่นใจว่ารัฐบาลพร้อมจัดคณะพูดคุยสานต่อต่างๆ ที่เคยทำมาแล้ว และก็ทำอย่างต่อเนื่อง

ผมมั่นใจว่าในการทำงานของท่านนายกฯเศรษฐา ทวีสิน นะครับ จะจัดตั้งบุคลากรที่มีขีดความสามารถเป็นหัวหน้าคณะพูดคุย บอกแล้วว่าการพูดคุยเท่านั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้สันติสุขเกิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครับ

•การที่นายกฯเศรษฐา ทวีสิน ไปพบปะนายกฯมาเลเซียล่าสุด จะปรับพื้นที่ความขัดแย้งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ หรือให้เป็นสนามการค้า จะสนับสนุนแนวคิดนี้อย่างไร

เศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มดีขึ้น การเดินทางความเชื่อมต่อระหว่างไทยกับมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลกอีกแห่งหนึ่งที่จะสร้างขึ้น ก็พร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือเดินหน้าต่อไป สิ่งไหนที่จะทำให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ในเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องเป็นอยู่อย่างมีความสุข พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง

•เรื่องของภัยแทรกซ้อน ทั้งการปราบปรามยาเสพติด การลักลอบขนสินค้าเถื่อน เป็นอย่างไร

ยาเสพติดส่วนใหญ่มาจากตอนบนของประเทศ นำมาสู่ตอนล่างแล้วออกสู่ประเทศที่ 3 ที่ผ่านมาได้สกัดกั้นจับกุมผู้ค้าและผู้นำพา โดยเฉพาะผู้ค้ารายใหญ่ ทางฝั่งมาเลเซียก็เล็งเห็นปัญหาเรื่องยาเสพติด มีการประสานงานกัน จับกุมอยู่ตลอดเวลา ต่อมาเรื่องของสินค้าหนีภาษี อาจจะพวกผู้มีอิทธิพลบางก๊วนในพื้นที่ ก็มีมาตรการในการสกัดกั้น ตั้งแต่ จ.สตูล ไปจนถึง จ.นราธิวาส เพิ่มกำลังเข้าไปสกัดกั้น ยังพบบางส่วนที่มีการลักลอบขนสินค้าหนีภาษี มีความเชื่อมโยงระหว่างขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image