ที่ปรึกษานายกฯ แย้มแหล่งที่มาเงิน 1 หมื่นบาท คาดคงได้ใช้ ก.ย.ปีหน้า ผ่าน ‘แอพพ์เป๋าตัง’

ที่ปรึกษานายกฯ คาด แหล่งที่มาเงิน 1 หมื่นบาท แย้มคงได้ใช้ ก.ย.ปีหน้า ผ่าน ‘แอพพ์เป๋าตัง’ ด้าน ‘พิสิฐ’ ไม่เชื่อกระตุ้น ศก.ได้จริง แนะทุ่มงบพัฒนากำลังผลิตหลักของประเทศดีกว่า

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานเปิดการเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ “นานาทัศนะกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท : เป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้ความท้าทายและพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศ” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ร่วมกับคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา และคณะกรรมการวิชาการของวุฒิสภา

โดยนายศุภชัยกล่าวว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เป็น 1 ในนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้แถลงต่อรัฐสภา มีเป้าหมายแจกเงินดิจิทัลให้ประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป คนละ 10,000 บาท ผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยใช้ระบบบล็อกเชนเพื่อเอื้อต่อการจ่ายเงินรูปแบบใหม่ ภายใต้งบประมาณกว่า 500,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็มีหลายฝ่าย เช่น คณาจารย์ และนักวิชาการ ออกมาเรียกร้องให้มีการยกเลิก เนื่องจากมองว่า ได้ประโยชน์น้อยไม่คุ้มกับต้นทุน อีกทั้งยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานการจ่ายเงินระยะสั้น ไม่คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง ดังนั้น ส.ว. ในฐานะสถาบันการเมืองที่มีความเป็นกลาง จึงได้เชิญทุกฝ่ายมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อระดมข้อเสนอจัดทำเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป

Advertisement

ขณะที่การเสวนา มีตัวแทนจากหลายฝ่าย ประกอบด้วย นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการนี้มีหลายอย่างที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน เช่นการให้สิทธิประชาชน 56 ล้านคน หลายฝ่ายเห็นว่าไม่ควรแจกคนรวย เพราะการให้เงินคนรวยไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากคนรวยจะเอาเงินในส่วนนี้ทดแทนค่าใช้จ่าย และเก็บเงินของตัวเองไว้แทน แต่ถ้าให้คนที่พอมี จะสามารถนำไปใช้หนี้ ดังนั้นตัวเลขประชาชนที่ได้สิทธิจะเหลือ 40 กว่าล้านคน ซึ่งยังไม่รวมผู้ที่ไม่มาลงทะเบียนอีก จึงเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะใช้เงินจากงบประมาณ แต่คงไม่ถึง 500,000 ล้านบาท โดยผ่านการอนุมัติจากสภา ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะมีความล่าช้า ไม่น่าจะทันในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 แต่จะสามารถใช้ได้ในช่วงเดือนกันยายนแทน ขณะเดียวกันน่าจะมีการเร่งดำเนินการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ไปด้วย เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและแล้วเสร็จในเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนเงื่อนไขที่จะใช้เงินได้ในระยะ 4 กม. นั้นคงไม่มีแล้ว แต่จะให้อยู่ในอำเภอหรือเขตเดียวกัน เพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง

”วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งข้างบน ข้างล่าง ตรงกลาง กรอบหมดแล้ว ไม่สามารถจะกู้เพิ่ม รายได้ก็ไม่มี เพราะฉะนั้นโครงการนี้จึงจำเป็น ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่น ความคึกคัก แต่โครงการนี้ก็จะต้องควบคู่ไปกับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการทางเศรษฐกิจที่ต้องทำให้มองเห็น ซึ่งเป็นโจทย์ยากที่รัฐบาลต้องทำให้สอดคล้องกันให้ได้” นายพิชัยกล่าว

นายพิชัยกล่าวต่อว่า รัฐจำเป็นต้องแจกเงินเป็นเงินดิจิทัลเพื่อบังคับให้มีการใช้จ่าย ส่วนคนที่จะมาขึ้นเงินก็ต้องลงทะเบียนและเสียภาษีด้วย ทั้งนี้ การแจกเงินอาจจะได้ไม่พร้อมกัน และอาจจะได้ใช้เงินในช่วงที่มีวันหยุด เช่นปีใหม่ หรือสงกรานต์ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเชื่อว่า 90% น่าจะกลับไปใช้ แอพพลิเคชั่นเป๋าตัง เนื่องจากมองว่าการพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ต้องใช้เวลานานและยุ่งยาก

Advertisement

ขณะที่นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจที่ต้องมีการกระตุ้น และแก้ไข แต่ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ตอบโจทย์ เพราะต่อให้เป็นการใช้จ่ายในระดับหมู่บ้านก็ตาม ก็เป็นไปได้ยากที่โครงการนี้จะยั่งยืน แต่สิ่งที่อยากเห็นคือ นำเงินส่วนนี้ไปช่วยในกำลังผลิต เช่นแหล่งน้ำ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำใช้ทุกหมู่บ้าน ทั้งนี้ที่ไปศึกษาเรื่องดังกล่าวจากการเดินทางไปต่างประเทศ เช่น ยูเอ็น ซึ่งเป็นเป้าหมายทั้ง 17 เป้าหมาย ของ Sustainable Development Goals (SDGs) เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้แน่ใจว่าโลกจะดีขึ้น แต่กลับไม่นำเรื่องดังกล่าวมาขับเคลื่อนเลย นี่คือวิธีคิดวิธีทำงานที่ต้องเพิ่มศักยภาพลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ไม่ใช่หวังให้คนใช้จ่ายแล้วเศรษฐกิจจะขยายตัวได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งขณะนี้รัฐบาลกำลังจะทำผิดกฎหมายหลายอย่าง จึงขอให้ฟังสำนักงบประมาณในการของบ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการขาดดุล และผิดวินัยการเงิน การคลัง

ด้านนายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ริลลินช์ภัทร จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีแต่การถกเถียงเรื่องแหล่งเงิน แทนที่จะให้หน่วยงานราชการช่วยกันนำไปคิด แต่เชื่อว่าประชาชนน่าจะบริหารจัดการการใช้จ่ายภายในครอบครัวตัวเองได้ หากนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาล ทั้งเรื่องซอฟต์เพาเวอร์ และการท่องเที่ยว เอื้อไปด้วยกัน ก็จะทำให้ภาคประชาชนเกิดความมั่นใจ ว่าที่รัฐบาลทำเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งที่ผ่านมาผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็ไม่เคยคำนึงถึงเรื่องดังกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image