สุดารัตน์ บี้รบ.เร่งออกสินเชื่อ ชะลอขายข้าว ชี้ราคาจะตกอีก ทำชาวนาเดือดร้อนหนัก

‘สุดารัตน์’ จี้รัฐบาล ออกสินเชื่อชะลอการขายข้าวโดยด่วน หวั่นล่าช้า ทำชาวนาเดือดร้อนสาหัส เพราะเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว และจะเกี่ยวเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ เหลือเวลาเพียง 20 กว่าวัน ราคาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาจะตกลงไปอีก จนทำให้ชาวนาต้องขาดทุนอย่างแสนสาหัส หากรัฐบาลยังไร้ความชัดเจน

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เปิดเผยว่า ได้กำชับให้ ส.ส.ของพรรคโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสานเร่งพูดคุยกับพี่น้องชาวนา หลังพบว่ามีเกษตรกรร้องเรียนผ่านเข้ามาที่พรรคจำนวนมาก โดยแสดงความกังวลเรื่องราคา “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ที่กำลังทะลักออกตลาด ราคาจะตกลงเรื่อยๆ ชาวนาจะต้องขาดทุนอีกหากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในมาตรการช่วยเหลือ ตามที่ ส.ส.ชัชวาล แพทยาไทย ได้เปิดอภิปรายในสภาแล้ว

โดยเฉพาะโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อมอบให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว โดยไม่ต้องเร่งขายข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวตกต่ำ จะเป็นการช่วยเหลือค่าเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 1,500 บาทต่อตัน กรณีที่เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเอง โดยเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการที่ชัดเจนโดยเร็ว เพราะพี่น้องชาวนาเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวแล้วเป็นจำนวนมาก และจะเกี่ยวเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ทั้งหมด และต้องขายสู่โรงสี เพราะไม่มีแรงจูงใจและความชัดเจนในมาตรการของรัฐบาล ราคาข้าวจะต่ำลงเรื่อยๆ ณ วันนี้ราคา 10.50 บาทต่อ กก. อีก 20 วันข้างหน้าราคาอาจต่ำลงถึง 7 หรือ 8 บาทต่อ กก.

“ต้องทวงถามรัฐบาลว่ามาตรการชะลอการขายข้าว 1,500 บาทต่อตันจะได้เมื่อไร และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สำหรับสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน ที่ประกอบธุรกิจรวบรวมข้าวจากเกษตรกร ซึ่งเคยกำหนดวงเงินสินเชื่อเป้าหมายที่ 10,000 ล้านบาท จะยังมีอยู่หรือไม่ และจะได้เมื่อไหร่” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

Advertisement

หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยระบุว่า หากมาตรการของรัฐออกมาล่าช้าจะไม่ทันการณ์ในการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา โดยเฉพาะ 2 มาตรการที่ได้กล่าวไป ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวนาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยชาวนาตามยถากรรม ทำให้ชาวนา “ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง ยิ่งทำยิ่งจน ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้” เพราะไม่ได้มีมาตรการในการดูแลมาตั้งแต่ต้น รวมถึงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือค่าเก็บเกี่ยวในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน จะยังได้หรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image