ตัดเกรดกกต. สอบโกงเลือกตั้ง หลังผ่าน 106 วัน ได้ฤกษ์แจกใบแดงแรก
พลันที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต. เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2566 ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา มีคำสั่งสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ น.ส.เกศกานดา อินช่วย ผู้สมัคร สส.เขต 16 กทม พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และนางดวงฤดี พันธุ์สมตน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส 2561 มาตรา 73 (1)ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง พร้อมดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสอง
นับเป็นใบแดงแรก ภายหลังที่ กกต.จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่กกต.ใช้เวลาพิจารณาคำร้องราว 106 วัน
โดยศาลฎีาจะมีคำสั่งให้ใบแดง กับน.ส.เกศกานดา อินช่วย ผู้สมัคร สส.เขต 16 กทม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนางดวงฤดี พันธุ์สมตน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หลังมีผู้ร้องว่าผู้ถูกร้องทั้งสอง มีพฤติการณ์ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
หลังกกต.ไต่สวนแล้วรับฟังได้ว่า เมื่อเวลา 17-19 เม.ย.2566 นางดวงฤดีผู้ถูกร้องที่ 2 ซึ่งเป็น ประธานหมู่บ้านร่มทิพย์ และเป็นผู้ช่วยหาเสียงของน.ส.เกศกานดา ผู้ถูกร้องที่ 1 พบปะพูดคุยกันที่หมู่บ้านร่มทิพย์ ถนนหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา เพื่อหารายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งโดยจะให้เงินคนละ 500 บาท เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่น.ส.เกศกานดา
จากการสอบสวนพบว่า นางดวงฤดี ให้ถ้อยคำรับว่าคลิปบันทึกเสียงและวีดีโอคลิปประกอบคำร้องเป็นเสียงของตนเอง
อีกทั้งจากการสืบสวนสอบสวนของอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนของกกต. ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าน.ส.เกศกานดา ก่อ หรือสนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้ นางดวงฤดี ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้เงินดังกล่าวแก่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองซึ่งเป็นการทุจริตการเลือกตั้ง
อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 มาตรา 73(1)ประกอบมาตรา 138 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งส.ส.กทมเขตเลือกตั้งที่ 16 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับน.ส.เกศกานดาไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ขณะเดียวกัน คำวินิจฉัยของกกต.ในคำร้องดังกล่าว ได้สั่งให้มีการกันผู้ร้องในคดีนี้ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการติดต่อจากนางดวงฤดี ให้จดรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดีตามพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. 2560 มาตรา 46 ประกอบระเบียบกกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี 2563 ข้อ 5 และข้อ 6 ด้วย
สำหรับข้อมูลและสถิติการพิจารณาคำร้องของกกต. นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 มีคำร้อง ความปรากฎ ข้อมูลเบาะแส จำนวน 360 เรื่อง แบ่งเป็น คำร้อง 280 เรื่อง ความปรากฎ 39 เรื่อง ข้อมูลเบาะแส 41 เรื่อง ดำเนินการเสร็จแล้ว 280 เรื่อง
ประกอบด้วย พิจารณาคำร้อง 239 เรื่อง
สั่งไม่รับ 158 เรื่อง
สั่งยุติเรื่อง 81 เรื่อง
การวินิจฉัยชี้ขาดสำนวน 41 สำนวน
ยกคำร้อง 37 สำนวน
ดำเนินคดีอาญา 3 สำนวน
ยื่นคำร้องต่อศาล 1 สำนวน
และอยู่ระหว่างดำเนินการ 80 เรื่อง
ทั้งนี้ กกต.ยังมีอำนาจพิจารณาการสืบสวนไต่สวน ตามมาตรา 138 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 หมายความว่าหลังการเลือกตั้งหากมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริต กกต.จะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง
ซึ่งในระเบียบการสืบสวน ไต่สวน ของ กกต.ได้ระบุระยะเวลาการพิจารณาคำร้องว่า ต้องเสร็จสิ้นถึงขั้นทำคำวินิจฉัยภายใน 1 ปี
ซึ่งจะครบกรอบเวลา 1 ปี นับจากวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2566 คือ ในวันที่ 14 พ.ค.2567
โดยส.ส.เขต 400 คน ที่ กกต.ประกาศรับรองไปก่อนเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566
ยังคงต้องลุ้นระทึกอีก 80 คำร้องที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ ของกกต. ในขณะนี้อยู่ ว่าจะมีผู้แทนคนใดถูกสอย ผ่านการถูกแจก ใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง และใบดำ จากทั้งกกต. และศาลฎีกา บ้าง
และการสอบสวนการทุจริตเลือกตั้งครั้งนี้ จะกลายเป็นตัวชี้วัดความสามารถของกกต.เอง ว่าจับได้ไล่ทัน ขบวนการโกงเลือกตั้ง
หรือจะเป็นคนการันตีว่าเลือกตั้งที่ผ่านมา มีแต่ความบริสุทธิ์ยุติธรรมเป็นที่ประจักษ์
สังคมจะตัดสินเองว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร!!!