‘ภูมิธรรม’ เผย ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน ยังอยู่ที่กฤษฎีกา ยังไม่รู้ส่งกลับมาเมื่อไหร่ เชื่อไม่มีใครดึงเรื่อง

‘ภูมิธรรม’ เผย ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน ยังอยู่ในขั้นตอนกฤษฎีกา ระบุยังไม่รู้ส่งกลับมาเมื่อไหร่ เชื่อไม่มีใครมาดึงเรื่องให้ช้า

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.กู้เงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยกฤษฎีกาว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของกฤษฎีกา ตนขอเรียนว่าจริงๆ แล้ว กฤษฎีกาไม่ได้จะมาคัดค้าน หรือไม่เห็นด้วยอะไร แต่ก็อยากให้เราช่วยกันดูให้รอบคอบ รัฐบาลก็เห็นด้วยจึงส่งให้กฤษฎีกาช่วยดู ซึ่งยังอยู่ในกระบวน และคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 21 พ.ย.จะมีการรายงานความคืบหน้าเรื่องนี้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบ เดี๋ยวคงต้องดูว่าจะมีอะไรบ้าง พูดไปแล้วไม่เข้าที่ประชุมจะกลายเป็นผิดอีก

เมื่อถามคาดว่ากฤษฎีกาจะส่งรายงานกลับมาก่อนช่วงปีใหม่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทางกฤษฎีกายืนยันจะทำให้เร็วที่สุด ตนคิดว่าไม่มีใครจะดึงเรื่องให้ช้า ก็พยายามทำข้อสรุปให้ชัดเจน เพื่อที่จะพิจารณาต่อไปได้

เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่า หน่วยงานภาครัฐเห็นด้วย ถึงแม้รัฐบาลจะทำในเรื่องร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน หรือต้องมีการบันทึกไว้ในที่ประชุมว่าหน่วยงานใดไม่เห็นด้วย ซึ่งจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเกินไป ส่วนนี้เป็นนโยบายรัฐบาล สภาก็รับผิดชอบแล้ว และการดำเนินงานของรัฐบาลก็พยายามรับฟังความคิดเห็นอย่างเต็มที่แล้ว พร้อมแสดงความสุจริตในการทำโครงการนี้ แม้จะมีบางแนวคิดที่แตกต่างกันบ้าง เช่น บางแนวคิดที่บอกต้องกระจายตัวเงิน แต่ตนคิดว่าต้องดูในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งรอให้ชัดเจนก่อนค่อยว่ากัน

ADVERTISMENT

เมื่อถามว่ากรณีที่มีผู้บริหารเอกชนชั้นนำ ออกมาหนุนเรื่องนี้ จะเป็นการตอกย้ำสิ่งที่รัฐบาลทำว่ากำลังกู้วิกฤตเศรษฐกิจ เหมือนที่นายกรัฐมนตรีบอก นายภูมิธรรมมองว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี ตนคิดว่าวันนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าในหลายภาคส่วน และหลายมิติยังมีความเห็นที่เหมือน หรือแตกต่างกันอยู่ เช่น เมื่อช่วงเช้าได้รับรายงานจากคนที่ไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ก็ไปเจอไกด์ หรือเวลาขึ้นรถ หลายคนก็บอกว่าอยากได้ ทุกคนก็รู้ว่าโครงการนี้จะทำให้เกิดการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น? วัตถุประสงค์ ไม่ใช่อยู่ๆ ไปแจกเงิน แต่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้าทุกคนรู้ว่ากำลังซื้อกำลังขาดแคลนประเทศวิกฤตหรือไม่วิกฤต บางทีก็พูดได้ เพราะเป็นทัศนะบุคคล จะบอกว่าไม่วิกฤตก็ได้ ขึ้นอยู่กับจุดยืนของตัวเอง หรือสถานะทางวิชาชีพ สถานะทางการเงินอยู่ตรงไหน ถ้ายังมีเงินก็คงบอกไม่วิกฤต แต่ถ้าคนขายของไม่ได้ คนไม่มีกำลังซื้อ ไปถามพ่อค้าแม่ค้าตอนนี้ก็บอกว่าแย่

นายภูมิธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าหากวันนี้ไม่เพิ่มกำลังซื้อ กลไกทางเศรษฐกิจก็ไม่มีผล ซึ่งถ้าจะให้พูดและเห็นพ้องต้องกัน ก็เหมือนฝืนธรรมชาติ จะอยู่ที่ความเห็นใครก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญต้องขึ้นอยู่ที่วัตถุประสงค์เป็นหลัก ประเทศเราซบเซามาโดยตลอด ตนคิดว่าตัวเลขทางวิชาการก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ชีวิตจริงก็เป็นส่วนหนึ่ง อยากรู้ว่าวันนี้วิกฤตหรือไม่ให้ไปเดินที่ตลาด ไปถามคนทางการค้า หรือบริษัทต่างๆ ทุกประเทศวันนี้ต้องการความเปลี่ยนแปลง ทุกคนก็รออยู่ ดังนั้นจะพูดว่าวิกฤตหรือไม่อยู่ที่แต่ละบุคคล ถ้ามีเงินมากก็บอกไม่วิกฤต แต่ถ้าถามประชาชนที่ไม่มีเงินในมือ ก็บอกว่าวิกฤต ขออย่ามาเถียงหรือเอาชนะกัน เอาความเป็นจริง และสิ่งที่มันเกิดให้เป็นประโยชน์ และจริงๆ กู้หรือไม่กู้ ไม่ใช่สาระสำคัญ การกู้เพื่อมาชดเชย เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนก็ทำได้ จริงๆ แล้วปีก่อนๆ ก็เห็นกู้มหาศาล ไม่เห็นใครมีปัญหาเลย เราจะกู้เรื่องนี้ให้ประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมีปัญหาอย่างนี้เป็นต้น เราควรใจกว้าง มองอะไรที่เป็นจริง สอดรับความเป็นจริงของสังคม เพราะเรายืนยันเจตนาบริสุทธิ์ และพยายามรับฟังทุกส่วน ถ้าไม่ฟังป่านนี้คงทำไปแล้ว ก็พยายามทำให้สังคมเห็นพ้องมากที่สุด แต่ไม่ได้หมายถึงทุกคนต้องเห็นพ้องเหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ยังมีประชาชนบางส่วน ไม่เห็นด้วย ต้องทำความเข้าใจอย่างไร นายภูมิธรรมบอกว่า กระบวนการทำหน้าที่อยู่แล้ว มาถามเป็นส่วนๆ มันก็ตอบยาก แต่กระบวนการที่เกิดขึ้นก็ทำหน้าที่อยู่แล้ว ก่อนยืนยันยินดีรับฟังทุกส่วนอยู่แล้ว แต่เพียงไม่อยากให้มาเปิดความเห็นในที่สาธารณะที่เถียงไปเถียงมา แล้วหาข้อยุติไม่ได้ และไม่สามารถแก้ปัญหาได้