นายกฯ ‘ลั่น’ ต้องแยกระหว่างเหยื่อกับผู้ทำผิด กรณีคนไทยในเล้าก์ก่ายเอี่ยวคอลเซ็นเตอร์ ระบุ ‘ดีอีเอส-ตร.ต้องสอบสวนข้อเท็จจริง’ ชี้ ต้นต่ออาจอยู่ในไทย ปฏิเสธยังไม่ได้รับรายงานหลังมีภาพข่าว ฮามาสนำตัวส่ง รพ. อาจเป็นคนไทยสั่ง ‘หมอมิ้ง’ ติดตาม
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทย 226 คน จากเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ว่า ตนได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ ขณะนี้ได้ช่วยเหลือออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนนั้นมีผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่ามี 3 คนหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในจำนวนนี้ต้องมีการแยกระหว่างผู้ที่เป็นเหยื่อกับผู้ที่กระทำผิดด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “แน่นอนครับ” ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนก่อน ซึ่งในส่วนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอีเอส) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ต้องทำงานร่วมกัน
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะต้องประสานไปยังทางการจีนและเมียนมาในการปราบปรามหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ขอให้ดำเนินการตรงนี้ก่อน เอาคนกลับมาก่อนดีกว่า เพื่อเป็นการตั้งต้นในการสืบสวนต่อไป บางทีต้นต่ออาจจะอยู่ในประเทศไทยก็ได้ ขอดูและพูดคุย สืบสวนก่อน อย่าเพิ่งกระจายไปที่ต่างประเทศ
เมื่อถามถึงกรณีที่สื่ออิสราเอลโชว์ภาพวงจรปิดตัวประกัน ซึ่งอาจเป็นคนไทยถูกกลุ่มฮามาสนำตัวไปส่งโรงพยาบาล นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่จะให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบเรื่องนี้ ขอให้รอมีข่าวชัดเจนก่อน เชื่อว่าทุกคนก็ติดตามข่าวอยู่ แต่เมื่อเช้าตนมีประชุมทั้งเช้าจึงยังไม่มีโอกาสได้ติดตามเรื่องนี้ เรามีนโยบายหลักอยู่แล้วในการช่วยเหลือคนไทย ซึ่งเมื่อเช้านี้ก็ได้มีการพูดคุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ช่วยติดตามเรื่องการช่วยเหลือตัวประกันที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะถูกปล่อยตัวออกมา
