ธนาธร รับได้เจอทักษิณจริง ช่วงตั้งรัฐบาล ยันเพื่อไทยคือมิตร แม้เจ็บปวด แต่เข้าใจข้อจำกัด ฝากถึงเพื่อนๆ ทั้ง 2 พรรค พวกคุณคืออนาคตของประเทศนี้
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์สดในรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” ที่มี สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ ไบรท์ พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ เป็นผู้ดำเนินรายการ ตอนหนึ่งถึงกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบโต้หลังมาบรรยายในหัวข้อสาธารณะ “ประเทศไทยควรได้อะไร หากต้องใช้ 5 แสนล้าน” ว่า ที่ผ่านมาตนพยายามตลอดที่จะไม่พูดถึงพรรคเพื่อไทยในแง่ลบ แม้แต่ตอนให้สัมภาษณ์วันนั้นก็ไม่พูดถึง ถามว่าทำไม เพราะตนคิดเสมอว่า พรรคเพื่อไทยคือมิตร ตนคิดว่า ประเทศไทยในอนาคต จำเป็นต้องมีพรรคการเมือง แบบเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เพราะเป็นพันธมิตรที่ทำให้ประเทศนี้ ก้าวหน้าที่สุด และกลับมาเป็นประชาธิปไตยได้
“ผมพยายามไม่พูดถึงเพื่อไทยเลย แต่นโยบายที่เราไม่เห็นด้วยเราก็บอกกับสาธารณะไปตรงๆ แล้วก็พยายามเสนอสิ่งที่เราอยากจะทำ แต่ต้องบอกก่อนว่า ในเชิงภาพอนาคตในประเทศไทย เป็นเรื่องใหญ่กว่าประเทศเรื่องนโยบายรายตัว เช่น การกู้เงิน 5 แสนล้านบาท มาทำดิจิทัลวอลเล็ต ดังนั้น สำหรับผมเพื่อไทยคือมิตร แม้จะอยู่กันคนละฝ่ายก็ตาม” นายธนาธรกล่าว
นายธนาธรกล่าวยอมรับว่า ส่วนตัวลึกๆ เจ็บปวด และเสียใจที่เพื่อไทยไม่ได้ตั้งรัฐบาลกับก้าวไกล แม้จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเพื่อไทย แต่เราเข้าใจข้อจำกัดของเพื่อไทย แม้จะเสียดายที่ไม่ได้นำแนวคิดของเราไปบริหาร แต่ตนยืนยันว่า ทางออกที่ดีที่สุดของประเทศไทย ที่จะทำให้ประเทศก้าวหน้า คือ 2 พรรคนี้ ต้องไปด้วยกัน ฝากถึงเพื่อนๆ ที่อยู่ในพรรคก้าวไกล และแกนนำของเพื่อไทยด้วยว่า อนาคตของประเทศไทย อยู่ในมือคุณทั้ง 2 พรรคนี้
จากนั้น นายสรุยทธ ได้ถามถึงการไปพบกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลว่า “เป็นปกติที่เราพบปะพูดคุยกับนักการเมืองทั่วไป มีการพูดคุยกัน ไปคุยเรื่องชีวิตมีหลานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ยืนยันไม่ได้ไปต่อรองอะไร เพราะผมไม่มีตำแหน่งการเมือง ถ้าไปต่อรองก็ถูกยุบพรรคสิ”
นายสรยุทธย้ำว่า ธนาธรไม่มีอำนาจเหนือพรรคก้าวไกล? นายธนาธรตอบว่า “วันนี้ผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นพรรคก้าวไกลเติบโต โดยไม่มีธนาธร และ ปิยบุตร แสงกนกกุล ภูมิใจมาก และอยากให้เป็นแบบนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ผมอยากให้เป็นแบบนั้น ผมคิดว่า ทำให้พรรคมีสุขภาพทางการเมืองที่ดี คือไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่พรรคของธนาธรและปิยบุตร แต่เป็นพรรคที่สมาชิกพรรคร่วมมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของร่วมกัน”
ถามต่อว่า ปิยบุตรออกมาวิจารณ์ก้าวไกล จนเหมือนจะทะเลาะกัน? นายธนาธรตอบว่า เพราะรักมาก เขาสร้างมาตั้งแต่สมัยอนาคตใหม่กับมือด้วยกัน มันถึงรักและผูกพัน ถ้าไม่รัก ไม่ผูกพันมันคงไม่วิจารณ์กันหรอก สิ่งเหล่านี้เป็นความสวยงาม ประชาธิปไตยมันก็ยุ่งเหยิงแบบนี้ ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ในพรรค แม้แต่ผมคนเดียวก็ตัดสินใจไม่ได้ การตัดสินใจส่วนใหญ่เป็นการถกเถียงแลกเปลี่ยนจนเห็นร่วมกัน ผมกับปิยบุตรก็ไม่ได้เห็นร่วมกันทุกเรื่อง ดังนั้น เรื่องนี้เป็นปกติของประชาธิปไตย ความยุ่งเหยิงมันคือเสน่ห์