ส่องศึกชิงหัวหน้าปชป. ‘วทันยา-นราพัฒน์’

เป็นวาระที่ต้องติดตามอีกครั้ง กับการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ครั้งที่ 3 ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ โดยมีวาระสำคัญคือ การเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ ตำแหน่งที่หลายฝ่ายจับตาที่จะส่งผลต่อนัยยะการเมือง

นั่นคือ หัวหน้าพรรค ปชป. คนที่ 9 “แม่ทัพคนใหม่ของค่ายสีฟ้า” ที่จะขึ้นมานำทัพและฟื้นฟูพรรค ปชป. ให้คัมแบ๊กมายืนหนึ่งในสนามการเมืองอีกครั้ง ภายหลังที่พ่ายศึกเลือกตั้งครั้งใหญ่ 2 ครั้งติดต่อกัน คือ การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 และการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ได้ ส.ส.กลับเข้าสภาเพียง 25 ที่นั่ง

กระทั่ง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ต้องโชว์สปิริต ลาออกจากหัวหน้าพรรค ปชป. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระหว่างนั้นพรรค ปชป.จัดให้มีการเลือก กก.บห.ชุดใหม่ มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีชื่อแคนดิเดตชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค กับ นราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ

แต่การประชุมวิสามัญพรรคทั้ง 2 ครั้งคือ วันที่ 9 กรกฎาคม และวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ต้องประสบปัญหาเดียวกัน คือ องค์ประชุมล่ม เนื่องจากมีจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมไม่เพียงพอตามที่ข้อบังคับพรรคกำหนด

ADVERTISMENT

โดยเฉพาะการประชุมครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมเลือกตั้งหัวหน้าพรรค มีการตรวจสอบองค์ประชุม ปรากฏว่ามีองค์ประชุมเพียง 221 คน จากขั้นต่ำ 250 คน ตามที่กฎหมายรรคการเมืองกำหนดไว้ แต่มีการร้องขอให้รอสมาชิกในฐานะโหวตเตอร์เข้ามาเพิ่มเติมเสียก่อน หลังส่วนหนึ่งกลับไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรมใกล้กับสถานที่จัดประชุม

แต่ทว่าเมื่อนับองค์ประชุมใหม่อีกครั้งกลับเหลือเพียง 201 คน ไม่ครบองค์ ทำให้การประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคไปต่อไม่ได้ ต้องเลื่อนออกไปก่อน หลังจากใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง

ADVERTISMENT

ประเด็นองค์ประชุมล่ม สมาชิกพรรคมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากสมาชิกพรรคส่วนหนึ่งที่สนับสนุน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คัมแบ๊กมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย แก้เกมด้วยการไม่อยู่เป็นองค์ประชุม เนื่องจากที่ประชุมมีมติยืนยันที่จะใช้น้ำหนักคะแนนเลือกหัวหน้าพรรค 70 ต่อ 30 เปอร์เซ็นต์ ตามข้อบังคับพรรค โดยสัดส่วนคะแนน 70 เปอร์เซ็นต์นั้น จะขึ้นอยู่กับ 25 ส.ส. ส่วนน้ำหนักคะแนนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับอดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ และอดีตหัวหน้าพรรค

ดังนั้น ตามข้อบังคับพรรค น้ำหนักคะแนนของ ส.ส.ทั้ง 25 คน ที่มีถึง 70 เปอร์เซ็นต์ คือ กลุ่มที่ชี้ขาดตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป. คนใหม่

ส่วนการเลือกตั้ง กก.บห.ครั้งที่ 3 มีแคนดิเดตที่ประกาศชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ปชป.คนที่ 9 อยู่ 2 ชื่อ คนแรกคือ นราพัฒน์ แก้วทอง ที่ยืนยันความพร้อมและเป้าหมายการเข้ามาฟื้นฟูพรรค ยืนกรานลงสมัครรับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม โดยมี เฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค นั่งปฏิบัติหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรค อีกหนึ่งตำแหน่ง รวมทั้ง ส.ส.ในกลุ่มเพื่อนต่อ ถึง 21 คน ให้การสนับสนุน

ขณะที่อีกหนึ่งชื่อ คือ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพฯ พรรค ปชป. ประกาศความพร้อมขอชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ปชป. เพื่อลุ้นขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.หญิงคนแรก นับตั้งแต่มีการก่อตั้งพรรคมา 77 ปี โดยคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ใหญ่ในพรรค ปชป. อาทิ ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และ ส.ส.ในกลุ่มของนายชวน

“มาดามเดียร์” ให้เหตุผลและความพร้อมการเข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ปชป. โดยระบุว่า ขอเสนอตัวเป็นหนึ่งทางเลือกในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ยังเชื่อมั่นและเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นประชาธิปไตย เสรีภาพ และการเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของอย่างแท้จริง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาได้รับความไว้วางใจ ให้กลับมาเป็นความหวัง เพื่อยืนยันในพลังประชาธิปไตย และเพื่อเสนออนาคตให้กับทุกคนในวันข้างหน้า

“เชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนจะเปิดโอกาสพิจารณาให้กับบุคลากรที่เห็นว่ามีความเหมาะสม ฉะนั้นในการลงสมัครไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ก็พร้อมที่จะ น้อมรับการตัดสินของสมาชิกพรรคทุกคน”มาดามเดียร์เปิดใจการชิงเก้าอี้หัวหน้า ปชป.

อย่างไรก็ตาม “มาดามเดียร์” ยังต้องฝ่าด่านแรกคือ ข้อบังคับพรรคการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ.2561 ข้อที่ 31 ระบุไว้ว่า สมาชิกผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกตั้งเป็น กก.บห.จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์และเป็นสมาชิกติดต่อกันไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่สมาชิกที่มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้ 1.เป็นหรือเคยเป็น กก.บห. 2.เป็นหรือเคยเป็นคณะกรรมการสาขาพรรค 3.เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรค 4.เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค 5.เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น
หรือผู้บริหารท้องถิ่นที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง และ 6.สมาชิกที่ที่ประชุมใหญ่มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมใหญ่มีมติให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น กก.บห.

เนื่องจาก “มาดามเดียร์” สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ปชป. เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 การจะลงสมัครชิงหัวหน้าพรรค ปชป. จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์/เป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 5 ปี จนถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่เคยเป็นกรรมการประจำสาขาพรรค/เป็นหรือเคยเป็น ส.ส.ในนามพรรค/เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค/เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกผู้บริหารท้องถิ่น ที่พรรคได้ส่งลงสมัคร

ดังนั้น การลงสมัครชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ปชป.ของ “มาดามเดียร์” จึงต้องลุ้นให้ที่ประชุมใหญ่มีมติเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุม หรือ 186 เสียง ให้ผู้นั้นสามารถลงสมัครแข่งขันได้

เมื่อผ่านด่านข้อบังคับในเรื่องคุณสมบัติของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น กก.บห.แล้ว จึงต้องมาลุ้นกับด่านของที่ประชุมใหญ่อีกครั้งว่าจะเลือกให้ผู้ใดเข้าวินเป็น กก.บห.ชุดใหม่

โดยการประชุมครั้งนี้ พรรค ปชป.ได้แก้ไขข้อบังคับเพิ่มองค์ประชุม โดยคัด 150 โหวตเตอร์สำรอง มาจากตัวแทนภาคภาคละ 30 คน เพื่อสำรองหรือสแตนด์บายกรณีองค์ประชุมไม่ครบ ล้อมคอกป้องกันการประชุมล่มซ้ำรอยเป็นรอบที่ 3 ท่ามกลางกระแสการเดินเกมช่วงชิงอำนาจล้มแผนขั้วอำนาจเก่า ผ่านการเลือกหัวหน้าพรรคและ กก.บห.ชุดใหม่ จะทำให้พรรค ปชป. ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุด ก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่

คงต้องรอลุ้นกันว่าท้ายที่สุดวันที่ 9 ธันวาคม ใครจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำพรรค ปชป.คนที่ 9

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image