ก้าวไกล แถลงข้อเสนอ 1+2 คำถามประชามติ เชื่อทุกฝ่ายยอมรับได้ หวัง รธน.ชอบธรรมที่สุด

‘พริษฐ์’ แถลงข้อเสนอ ‘1+2’ คำถามประชามติ รธน.ใหม่ เน้น 1 คำถามหลักเปิดกว้าง 2 คำถามพ่วงลงรายละเอียดที่มา-ขอบเขตอำนาจ ส.ส.ร. เชื่อเป็นคำถามที่ทุกฝ่ายยอมรับ-มีส่วนร่วมได้มากที่สุด หวังเป็นก้าวแรกคลี่คลายความเห็นต่างสู่ข้อสรุปร่วมกระบวนการจัดทำ รธน.

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงข่าวในหัวข้อ “ก้าวแรกรัฐธรรมนูญประชาชน ประชามติต้อง 1+2 คำถาม” สรุปข้อเสนอของพรรคก้าวไกลต่อนโยบายและกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องในโอกาสวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม

นายพริษฐ์ระบุว่า เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีปัญหาในเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ทั้งในส่วนที่มา กระบวนการ และเนื้อหา พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่าประเทศไทยควรจะต้องมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แต่หากจะแก้ไขปัญหาได้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องไม่ใหม่แค่โดยชื่อ แต่ควรเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีอีก 3 องค์ประกอบด้วยกัน กล่าวคือ (1) เกิดขึ้นได้จริงโดยเร็วที่สุด (2) มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และ (3) มีกระบวนการในการได้มาที่โอบรับจุดยืนที่แตกต่างของทุกฝ่าย

Advertisement

นายพริษฐ์กล่าวต่อไปว่า หากจะเดินตามกติกาของรัฐธรรมนูญ 2560 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จะต้องจัดประชามติอย่างน้อย 2 ครั้ง กล่าวคือ

(1) “ประชามติ B” คือการจัดประชามติที่เกิดจากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ในมาตรา 256 และหมวด 15/1 เพื่อให้มีกลไก ส.ส.ร.ขึ้นมา ซึ่งจะต้องมีการทำประชามติหลังจากผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา เนื่องจากเป็นการแก้ไขเกี่ยวกับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256(8))

(2) “ประชามติ C” คือการจัดทำประชามติหลังจาก ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564)

Advertisement

แต่ในส่วนของ “ประชามติ A” ที่บางฝ่ายเสนอให้จัดเพิ่มขึ้นมาก่อนมีการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ในมาตรา 256 และหมวด 15/1 เข้าสู่สภา หลายฝ่ายยังมองต่างกันว่าจำเป็นต้องจัดหรือไม่

นายพริษฐ์กล่าวว่า ในมุมกฎหมาย พรรคก้าวไกลเห็นว่าประชามติ A ไม่มีความจำเป็น และหากยึดตามรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ 2 ครั้ง (B และ C) น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ในมุมการเมือง พรรคก้าวไกลเห็นว่าการจัดทำประชามติ A อาจมีประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาความเห็นต่างใน 2 ด้านคือ 1.ทำให้ “ความเห็นต่างทางกฎหมาย” (ในการตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 ว่าจะต้องจัดทำประชามติ A หรือไม่) ไม่เป็นอุปสรรคเหมือนปี 2563-64 ที่สมาชิกรัฐสภาบางส่วนไม่ยอมลงคะแนนเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ส.ร. โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพราะไม่มีการจัดทำประชามติ A มาก่อน

2.ทำให้ “ความเห็นต่างทางการเมือง” (เช่น เรื่องที่มาและขอบเขตอำนาจของ ส.ส.ร.) ไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่รัฐสภาจะมีฉันทามติร่วมกันในการให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ส.ร. เชื่อว่าทุกฝ่ายจะพร้อมเดินหน้าสนับสนุนร่างที่มีเนื้อหาที่สอดคล้องกับผลของประชามติที่ประชาชนไปออกเสียง

“ในเมื่อข้อเสนอเดิมของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับคำถามประชามติ A (1 คำถามว่า ‘ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่าประเทศไทยควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับแทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน?’) ถูกสภาผู้แทนราษฎรปัดตกเมื่อ 25 ต.ค.2566 พรรคก้าวไกลจึงได้พัฒนาข้อเสนอใหม่เกี่ยวกับคำถามประชามติ A ที่เราได้ยื่นต่อคณะกรรมการศึกษาฯ ของรัฐบาลเมื่อเดือนที่แล้ว

“พรรคก้าวไกลเสนอว่าการจัดทำประชามติ A (หากจะมีขึ้น) ควรเป็นการถามคำถามทั้งหมด 1+2 คำถาม เพื่อวัตถุประสงค์ในการแก้ไขปัญหาความเห็นต่าง” นายพริษฐ์ระบุ

นายพริษฐ์กล่าวว่า 1 คำถามหลักคือ “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่าควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.?” (โดยไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ)

เหตุผล : คำถามหลักควรมีลักษณะเปิดกว้างที่สุด เพื่อสร้างความเห็นร่วมได้มากที่สุด และเป็นคำถามที่ถามถึงทิศทางภาพรวมโดยไม่มีเงื่อนไข หรือรายละเอียดปลีกย่อยที่จะทำให้ประชาชนอาจจะเห็นด้วยกับบางส่วนของคำถาม หรือไม่เห็นด้วยกับบางส่วนของคำถาม หรือกีดกันใครออกจากกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

2.คำถามรอง

2.1. “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า ส.ส.ร.ควรจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด?
2.2. “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า ส.ส.ร.ควรมีอำนาจพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทุกหมวด?” (ตราบใดที่ไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ)

เหตุผล : คำถามรองควรมีลักษณะเฉพาะเจาะจงไปในประเด็นสำคัญที่แต่ละฝ่ายทางการเมืองยังมีความเห็นต่างกันอยู่ เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินและหาข้อสรุปด้วยตนเอง โดยที่ทุกฝ่ายในรัฐสภาพร้อมยอมรับและเดินหน้าต่อร่วมกันตามผลประชามติ

แน่นอนว่าในส่วนของพรรคก้าวไกล เรามีจุดยืนและคำตอบที่ชัดเจนต่อ 1+2 คำถาม

(1) คำถามหลัก : เราเห็นชอบให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.

(2.1.) คำถามรอง 1 : เราเห็นชอบว่า ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด โดยเรามองว่าข้อกังวลจากบางฝ่ายว่า ส.ส.ร.เลือกตั้งทั้งหมดจะทำให้ ส.ส.ร.ขาดพื้นที่สำหรับ “ผู้เชี่ยวชาญ” หรือ “กลุ่มความหลากหลาย” เป็นข้อกังวลที่คลี่คลายได้ผ่านการออกแบบระบบเลือกตั้ง โดยยังคงยึดหลักว่า ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมด (ปัจจุบันมีหลายข้อเสนอที่กำลังถูกพัฒนาโดยคณะอนุกรรมาธิการของคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง ซึ่งจะเผยแพร่ต่อสาธารณะในเดือนนี้ เช่น การใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง และเปิดให้สมัครเป็นทีมโดยใช้ระบบบัญชีรายชื่อ/การแบ่ง ส.ส.ร.ออกเป็นหลายประเภท-หลายบัตรเลือกตั้ง แต่ทุกประเภทยังมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด)

(2.2.) คำถามรอง 2 : เราเห็นชอบว่า ส.ส.ร.ควรมีอำนาจพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทุกหมวด โดยเรายืนยันว่าการให้ ส.ส.ร.มีอำนาจพิจารณาเนื้อหาในหมวด 1-2 จะไม่กระทบรูปแบบการปกครอง หรือรูปแบบรัฐตามที่บางฝ่ายกังวล เนื่องจากมาตรา 255 ของรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ชัดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญใดๆ จะต้องไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง หรือรูปแบบรัฐ รวมถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ผ่านมา (2540 2550 2560) ก็มีการปรับปรุงเนื้อหาในหมวด 1-2 มาโดยตลอด โดยไม่กระทบรูปแบบการปกครองหรือรูปแบบของรัฐ

นายพริษฐ์กล่าวด้วยว่า แม้ประชาชนแต่ละคน หรือฝ่ายการเมืองกลุ่มต่างๆ อาจมีจุดยืน หรือคำตอบ ต่อ 1+2 คำถามที่ต่างจากเรา แต่เราอยากเชิญชวนทุกคนทุกกลุ่มมาเห็นร่วมกับเราว่า “คำถาม” ประชามติที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับประชามติ A คือ 1+2 คำถามที่เราเสนอ เพราะการตั้งคำถามดังกล่าวจะ (1) มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยเนื่องจากเป็นการให้อำนาจประชาชนตัดสินใจเกี่ยวกับประเด็นสำคัญโดยตรง (2) โอบรับจุดยืนของทุกฝ่าย เนื่องจากไม่ว่าใครจะมีความเห็นอย่างไร ทุกคนสามารถมีตัวเลือกคำตอบในการลงคะแนน หรือออกความเห็นในแต่ละคำถามได้ และ (3) มีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่าง และเพิ่มโอกาสในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เกิดขึ้นจริงได้

“เมื่อเราถามคำถามหลักที่กว้างนั่นหมายความว่าไม่ว่าท่านจะเห็นในรายละเอียดต่างกันอย่างไร แต่หากท่านเห็นตรงกันในภาพรวมว่าควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็สารถมาลงคะแนนเห็นชอบร่วมกันได้ ขณะที่คำถามรองที่เฉพาะเจาะจง ถ้าเราไม่ถามตั้งแต่ประชามติ A ความเห็นต่างที่ยังมีอยู่ในประเด็นดังกล่าวก็จะยังคงไม่มีข้อสรุป และจะทำให้รัฐสภาหาข้อสรุปได้ยากด้วยเงื่อนไขมาตรา 256 ที่บอกว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใดๆ เรื่องรายละเอียดของ ส.ส.ร.นั้นจะต้องได้ฉันทามติในระดับหนึ่งจากทุกฝ่าย” นายพริษฐ์กล่าว

นายพริษฐ์กล่าวต่อไปว่า ช่วงบ่ายวันนี้พรรคก้าวไกลจะมีการเปิดตัวเว็บไซต์ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความเห็นต่อทั้ง 1+2 คำถาม เป็นสนามซ้อมประชามติให้ประชาชนทดลองตอบ สร้างความเข้าใจกับคำถามประชามติ หากประชาชนเห็นตรงกันกับพรรคก้าวไกลว่าคำถามแบบนี้จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหาความเห็นต่างที่ยังมีอยู่ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยได้ อยากเชิญทุกคนให้ช่วยกันจับตาและส่งเสียงให้ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการสนับสนุนให้ไปถึงรัฐบาลก่อนที่ ครม.จะมีมติเกี่ยวกับการจัดประชามติและคำถามประชามติหลังปีใหม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image