ดีเบตเข้ม! ลุกโชว์วิสัยทัศน์ ‘บอร์ดประกันสังคม’ ยัน ไร้สี ไร้พรรค ยึดหลักเฉลี่ยทุกข์สุข
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม ที่ห้องประชุมประภาศน์ อวยชัย อาคารอเนกประสงค์ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ มูลนิธิพิพิธภัณฑ์แรงงานไทย สถาบันปรีดี พนมยงค์ สำนักเครือข่ายสื่อสาธารณะ จัดเวทีเสวนา “เลือกตั้งคณะกรรมการประกันสังคม ปฏิรูปอะไร? อย่างไร?” โดยมีตัวแทนผู้สมัครรับเลือกตั้ง ‘คณะกรรมการประกันสังคม’ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์
โดยตอนหนึ่ง นายชินโชติ แสงสังข์ กลุ่มสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนขอเล่าประวัติศาสตร์ของตัวเอง ว่าตนเป็นคนแรกของประเทศไทย เป็นบอร์ดที่ถูกปลดออกจากรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ใช้กฎหมายมาตรา 44
“สมัยนั้น 14-15 ปีที่แล้ว รัฐบาลเป็นหนี้กองทุนประกันสังคมอยู่ หกหมื่นล้านบาทผมเป็นประธานคณะทำงานในการติดตามทวงหนี้รัฐบาล ได้รณรงค์อย่างจริงจังจนถูกมาตรา 44 ปลดออกไป” นายชินโชติกล่าว
จากนั้น นายชินโชติกล่าวถึงนโยบายกลุ่มสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทยว่า การกำหนดนโยบายประกันสังคม เราคงทำแบบนักการเมืองไม่ได้ กวาดนโยบายไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างเสนอให้คนเลือกสุดท้ายได้รับการเลือกตั้งแล้ว จะทำไม่ทำไม่เป็นไร ประกันสังคมมีวาระเพื่อแค่ 2 ปีเท่านั้น

“โดยนโยบายที่เสนอ คือ 1.เงินบํานาญชราภาพ เราถูกกำหนดไว้ 20% 15,000 บาท ก็คือ 3,000 บาท เพราะฉะนั้นจึงเสนอว่า อย่างน้อยสุดเงินบํานาญชราภาพ 30% ทำให้สามารถยังมีชีวิตที่พออยู่ได้
2.เงินเดือน 15,000 บาท เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เหมาะสมมาก ในวันนี้ขอเพิ่มเป็น 18,000 บาท
3.ฐานบำนาญในบุคคลที่ใช้มาตรา 39 ต้องใช้ฐานเงินเดือนสุดท้ายก่อนหลุดมาตรา 33 ไปเป็น มาตรา 39 มาเป็นฐานในการคำนวณเงินบํานาญชราภาพ” นายชินโชติกล่าว
นายชินโชติกล่าวว่า ระบบประกันสังคมคือ ‘ระบบที่เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข’ ในตอนที่แข็งแรง ไม่ป่วย ในส่วนใหญ่ คนที่ทำงานโรงงานดีๆ ก็จะใช้สวัสดิการของโรงงาน คนทั่วไปก็ไม่ป่วย แต่พอเราแก่ เกษียณหลังอายุ 55 ปี เราส่งเงินเข้ากองทุนมายาวนาน สุดท้ายพอเรารับเงินเดือนเงินบํานาญชราภาพ เราหมดสภาพจากการรักษาพยาบาล
“มนุษย์ในประเทศไทยมี 3 หัว ราชการ ประกันสังคม ประชาชน เราต้องกลับไปใช้ระบบบัตรทอง เมื่อเราอายุ 55 ปี เราไม่มีสิทธิเลือกโรงพยาบาลเลย ไม่มีสิทธิรักษาในระบบประกันสังคมเมื่อรับเงินบำนาญ ซึ่งเป็นกฎหมายเนรคุณ คนยิ่งแก่ ยิ่งต้องได้รับการดูแล เมื่ออายุมากขึ้นก็ต้องป่วย แต่กลับถูกลิดรอนสิทธิลง” นายชินโชติกล่าว
ด้าน นายธนัสถา คำมาวงษ์ ทีมสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานยานยนต์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภายานยนต์มีการประชุมกันว่า เราจะลงสมัครหรือไม่ จากพี่น้องที่อยู่ในธุรกิจยานยนต์ประมาณ 800,000 คน อยู่ในสมาชิกสหภาพ 90,000 คน เราตกลงกันว่าเราต้องลงสมัครเพื่อรับใช้พี่น้องของเรา และเป็นตัวแทนของพวกเขา เมื่อเรานั่งวิเคราะห์ดูว่า บอร์ดประกันสังคมมีหน้าที่อะไร ยกตัวอย่าง ให้ความเห็นต่อรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายการประกันสังคม และกฎกระทรวงต่างๆ
“3 ปีที่ผ่านมา ผมได้รับโอกาสจาก ท่านสุชาติ ชมกลิ่น (อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทย) ให้ดำรงตำแหน่งคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ยังมีเรื่องที่ยังคงค้างอยู่ ที่ต้องทำต่อ ในปัจจุบันผมได้ดำรงตำแหน่งคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทวงแรงงาน กับรัฐมนตรีปัจจุบัน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน) เป็นโอกาสของผมที่จะนำเสนอที่ยังคงค้างอยู่ ที่ทีมงานได้ผลักดันเอาไว้

โดยเสนอนโยบายดังนี้
1.เพื่มเงินสงเคราะห์บุตร จาก 800 บาท เป็น 3,000 บาท จำนวน 12 ปี โดยเดิมทีเงินสงเคราะห์บุตรอยู่ที่ 600 บาท ถูกเปลี่ยนมาที่ 800 บาท จากท่านสุชาติ ชมกลิ่น โดยครั้งนี้ต้องเป็นที่ 3,000 บาท
2.เพิ่มเงินบํานาญชราภาพเป็น ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท นั้นจาก นายจ้าง 5% ลูกจ้าง 5% รัฐบาล 2.75% เราจะผลักดันให้รัฐบาลจ่าย 5% เราจะได้แน่นอน
3.โรงพยาบาลประกันสังคม ทำให้เป็นสถาบันทางการแพทย์ เราสามารถทำได้ เนื่องจากทหาร ตำรวจ พระสงฆ์ก็ยังมีโรงพยาบาลตนเอง และเมื่อลูกหลานเรียนดีเรียนเก่ง ประกันสังคมให้เงินสบทบทุนไปเลย เพื่อกลับมาพัฒนาทีมการแพทย์
4.เงินกู้ที่อยู่อาศัยดอกเบื้ยต่ำ ถ้าเรานำเงินประกันสังคมไปฝากไว้ที่ธนาคารออมสิน และเรามาซื้อบ้านในดอกเบื้ยที่ไม่เกิน 1% จะทำให้เราผ่อนบ้านหมดเร็ว เป็นสิ่งที่ต้องประสานต่อจากท่านสุชาติ ชมกลิ่น ให้พวกเราได้รับผลประโยชน์มากที่สุด
5.ถ้าเกษียณอายุ 55 ปี เราต้องเลือกได้ ไม่ใช่บังคับให้เราเลือกบำนาญ หรือบำเหน็จ เราจะขับเคลื่อนและผลักดัน
6.ธนาคารแรงงาน เพื่อให้พี่น้องเอาเงินประกันสังคมมาลุงทุนต่างๆ และเก็บออม” นายธนัสถากล่าว
ขณะที่ นายศิริศักดิ์ บัวชุม ทีมเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) กล่าวว่า ทีมเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของพี่น้องแรงงานที่อยู่ในสหภาพแรงงานทั้งในระบบ และนอกระบบ เราขับเคลี่อนในเรื่องของประกันสังคมเรามีส่วนร่วมกับพี่น้องสหภาพแรงงานทั้งในและนอกระบบ เป็นเรื่องยามดีที่เรามีโอกาสได้เลือกคณะกรรมการประกันสังคมที่มาจากตัวแทนของพี่น้องเราจริงๆ
“เครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน มีแนวคิดมีแนวทางตั้งแต่การขับเคลื่อนการต้องการปฎิรูปประกันสังคม ให้เป็นประกันสังคมที่ถ้วนหน้า ที่อิสระ โปร่งใส ลดความเหลื่อมล้ำ ยืดหยุ่น และเป็นธรรม ผู้สมัครมาจากหลากหลายตัวแทน ทั้งในระบบและนอกระบบ ตัวแทนจากมหาวิทยาลัย ตัวแทนการศึกษาจากภาครัฐ และเอกชน ได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องที่เป็นข้าราชการที่เข้าระบบประกันสังคม เรามีแนวคิดที่มาจากพี่น้องต่างเวที มีความหลากหลายสาขาอาชีพ” นายศิริศักดิ์กล่าว

สำหรับนโยบาย มีดังนี้
1.เสนอให้มีการจัดตั้งธนาคารแรงงาน
2.การสนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลประกันสังคม ร่วมไปถึงสถาบันทางการแพทย์เฉพาะทาง เรื่องนี้เรามีการศึกษาแล้วทั้งจากกระทรวง ทั้งกรรมธิการ และระดับวิชาการ ความเป็นไปได้แน่นอน
3.ปรับรูปแบบการลงทุนในรูปแบบประกันสังคมเป็นเรื่องของความเสี่ยง และความมั่นคง ของกองทุน ในไม่กี่ปีข้างหน้า กองทุนเราจะหมดไปหรือไม่ เมื่อทีมเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน เข้าไปเป็นคณะกรรมการจะร่วมพิจารณาในระเบียบข้อบังคับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน สัดส่วนในเรื่องของการลงทุน ทั้งความเสี่ยงให้พอเหมาะเพื่อความยั่งยืนของกองทุนให้มาหล่อเลี้ยงผู้ประกันตน
4.พัฒนาปรับปรุงการเข้ารับรักษาสิทธิพยาบาล ให้รวดเร็ว สะดวก และปลอดภัย
5.เพิ่มขยาย สิทธิและประโยชน์ของผู้ประกันตนทุกมาตราให้เหมาะสมกับสภาวะทางเศรษฐกิจ เราจะเข้าปเพิ่มขยายสิทธิประโยชน์ เช่น มาตรา 40 เรามีแนวนโยบายอย่างเดียว เราจะเข้าไปช่วยเหลือครอบคุ้ม 7 กรณี มาตรา 39 รับบำนาญชราภาพแล้วให้คงสิทธิไว้ 3 สิทธิ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต
6.เรื่องของการแก้ไขระเบียบชราภาพ ต้องใช้ฐานเงินเดือนสุดท้ายมาคำนวณ และเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ
“ประเด็นสำคัญสุดของพี่น้องแรงงานในระบบและนอกระบบ เรามีความเป็นเอกภาพ และสัมพันธภาพอันเดียวกัน ไม่มีสี ไม่มีพรรค ไม่มีพวก เราทำงานร่วมกันทั้งเครือข่ายภาครัฐ เครือข่ายแรงงาน เรามีการถอดบทเรียนที่ประสบความสำเร็จ
เรื่องการกำหนดนโยบาย เราจะลงถนนอย่างเดียวว่านโยบายได้หรือไม่ การถอดทบเรียนเห็นว่า เมื่อมีเวทีพูดคุย เจราจาต่อรอง ค่อยๆ เป็นกระบวนการไป เราทำสำเร็จในเรื่องของทันตกรรมในโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ ดังนั้นฝากเครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน เสียงเดียวอาจจะไม่ดัง เสียงของพลังผู้ประกันตนจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงกองทุนประกันสังคม” นายศิริศักดิ์กล่าว