09.00 : INDEX สถานการณ์ สภาล่ม สภาก้าวหน้า กระบวนท่า การเมือง จาก”ไอ้หนู”
แรกที่ นายปกรณ์วุฒิ พิพัฒน์อุดมสกุล เสนอ ”เลื่อน” ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมขึ้นมา หลายคนอาจแปลกใจแต่ก็เข้าใจบทบาทในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน
แต่เมื่อ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ คนอ่างทอง ลุกขึ้นอภิปราย หลายคนในปีกรัฐบาลก็เริ่ม ”ตื่นตัว”
เป็นความตื่นตัวว่ากระบวนท่าของฝ่ายค้าน กระบวนท่าของพรรคก้าวไกลน่าจะไม่ดำเนินไปอย่างเซื่องๆอย่างที่มองและเข้าใจอีกแล้ว
เนื่องจากเป้าหมายเน้นย้ำอยู่ที่ร่างกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของรัฐบาลที่ประกาศว่าจะนำเข้าพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 12 ธันวาคม
ขณะที่เป็นการประชุมสภาในวันที่ 13 ธันวาคม ก็ไม่ปรากฏร่างกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฉบับของรัฐบาล ขณะที่ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมของพรรคก้าวไกลมีความพร้อมกว่า
การคว่ำญัตติ ”เลื่อน” ของพรรคก้าวไกลโดยพลังของรัฐบาลมิได้ยากเย็นอะไรเลยด้วยคะแนน 229 ต่อ 146 แต่พลันที่พรรคก้าวไกลขยับไปอีก 1 ก้าวผ่านประเด็น ”สภาก้าวหน้า” จึงยิ่งต้องระวัง
แม้จะเป็นการระวังต่อพลัง ”ไอ้หนู” อย่างที่หมิ่นหยามก็ตาม
หากติดตามการต่อกรระหว่าง พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย กับ พรรคก้าวไกล ในร่างแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่นำเสนอโดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ก็จะเข้าใจ
โดยพื้นฐานก็คือ ความเข้าใจในการขวางต้านจากฝ่ายรัฐบาล ความเข้าใจในการรุกอย่างต่อเนื่องของพรรคก้าวไกล
เป็นการรุกเข้าไปบนหลักการสภาโปร่งใส สภาก้าวหน้า
ขณะเดียวกัน ก็เป็นการต้านบนความเชื่อมั่นของผู้มากด้วย ประสบการณ์ มากด้วยความจัดเจน ฝังลึกถึงระนาบที่สามารถหลุดวลีที่ว่า ”ไอ้หนู” เมื่อหมายถึงพวกไร้เดียงสา ”ก้าวไกล”
แต่แล้วเมื่อถึงคราวลงมติด้วยคะแนนที่เหนือกว่า 150 เสียงของพรรคก้าวไกลอย่างชัดเจน แต่เมื่อนับจำนวน 223 ของรัฐบาล
กับ 1 เสียงที่เห็นด้วยก็เริ่มมองเห็นปัญหาที่ตามมา
นั่นก็คือจำนวน 224 เป็นภาพฟ้องว่า ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ความหมายก็คือ สภาล่ม
พลันที่เกิดสถานการณ์ ”สภาล่ม” ไม่ว่าความเข้าใจในยุค นายชวน หลีกภัย ไม่ว่าความเข้าใจในยุค นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นั่นคือ
ความรับผิดชอบของรัฐบาล
สายตาย่อมมองไปยังพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย
คำถามก็คือ วิปรัฐบาลในความรับผิดชอบของ นายอดิศร เพียงเกษ ตระหนักหรือไม่ คำถามก็คือ วิปฝ่ายค้านในความรับผิด ชอบของ นายปกรณ์วุฒิ พิพัฒน์อุดมสกุล รู้มาก่อนหรือไม่
ที่เคยเห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นเพียง ”ไอ้หนู” ในสายตาของผู้จัดเจน คร่ำหวอดทางการเมืองอาจมิใช่อีกแล้วก็เป็นได้