‘สุทิน’ ย้ำยังรอ อสส.ชี้ขาด สัญญาซื้อเรือดำน้ำจีน ชี้ถ้าผูกมัดเลิกไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้า
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมการฝึกองค์บุคคลและยุทธวิธีว่า วันนี้มาดูการฝึกซ้อมรบของกองทัพเรือ ซึ่งตนอยากมาดูอยู่แล้วว่าอาวุธยุทธโธปกรณ์ที่ซื้อมาแล้วถูกใช้ไปในทางยุทธศาสตร์ ตามความต้องการ ความจำเป็นจริงหรือไม่ และมีความเพียงพอหรือไม่ รวมถึงข้อติดขัดหรือปัญหาต่างๆ รวมถึงความเป็นอยู่ของกำลังพล ว่าทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ พร้อมทำหน้าที่หรือไม่ ซึ่งวันนี้ได้เห็นว่า ยุทโธปกรณ์ใช้อย่างคุ้มค่า จากเดิมที่เราไม่รู้ว่าซื้อมาทำอะไร
“วันนี้ก็ได้เห็น โดยเฉพาะการยกพลขึ้นบก เป็นการใช้อาวุธผสมผสานกันครบทุกส่วน นอกจากนี้ยังพบว่าอาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่างของกองทัพเรือถือว่าทันสมัย แต่บางอย่างก็เก่า ไม่ทันสมัย บางส่วนต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม วันนี้เห็นภาพที่ดีสามารถนำไปกำหนดนโยบายและงบประมาณได้ และเชื่อมั่นว่ากองทัพเรือจะสามารถปกป้องอธิปไตยทางทะเลได้” นายสุทินกล่าว
นายสุทินกล่าวอีกว่า ได้มีการพูดคุยกับ พล.ร.อ.อดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในเรื่องยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะเรื่องเรือดำน้ำ โดยสอบถามว่าเรือดำน้ำต้องใช้อย่างไร บริเวณไหน รวมถึงกรณีที่มีการบอกว่าท้องทะเลไทยตื้นวันนี้ได้พูดคุยกันทุกแง่มุม ซึ่งกองทัพเรือก็ยังเห็นว่าเรือดำน้ำมีความจำเป็น และยังมีความต้องการอยู่ซึ่งเราจะหาทางสนับสนุน แก้ไขปัญหาที่มีอยู่ให้ถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้ทางอัยการสูงสุดยังไม่ได้ตอบคำถามกลับมา แต่เชื่อมั่นจะได้คำตอบเร็ววันนี้ หากตอบกลับมาจะได้กำหนดลู่ทางหรือแนวทางที่จะเดินต่อไปได้
เมื่อถามว่า ทางกระทรวงกลาโหม จะยอมให้มีการต่อเรือดำน้ำจีน และใช้เครื่องยนต์จีนต่อใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ยังไม่ได้ตกผลึกขนาดนั้น แต่สิ่งที่ตกผลึกแน่นอนคือมีความจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ ก็อยากให้กองทัพเรือได้มี แต่จะเป็นวิธีไหน เป็นเรือประเทศไหน เครื่องยนต์อะไร ก็คงต้องดูไปอีกซักระยะ และประกอบกับคำวินิจฉัยของอัยการสูงสุดด้วย
เมื่อถามว่า ไม่ได้ผูกมัดว่าต้องเป็นเรือดำน้ำจีนใช่หรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ต้องรอทางอัยการสูงสุด หากคำวินิจฉัยออกมาว่าเป็นการผูกมัด ข้อตกลงมีผลบังคับใช้แล้ว ยกเลิกไม่ได้ ก็คงต้องเป็นเป็นไปตามนั้น แต่หากยกเลิกได้ ทบทวนได้ ก็ต้องมาดูกันอีกที
ด้าน ผบ.ทร.ระบุว่า พร้อมปฏิบัติตามความเห็น รมว.กลาโหมและทางอัยการสูงสุดจะตอบกลับภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 นี้