‘เศรษฐา’ ปลื้ม! ญี่ปุ่นมิตรแท้ มองตาก็รู้ใจ นายกฯปลาดิบชวนร่วมประชุม OECD ยกระดับการค้า

‘เศรษฐา’ ปลื้ม! ญี่ปุ่นมิตรแท้ มองตาก็รู้ใจ นายกฯปลาดิบชวนร่วมประชุม OECD ยกระดับการค้า

‘นายกฯ’ ปลื้มลุยยินดีทุกอย่างประสบความสำเร็จทุกอย่างเป็นไปด้วยดี บอกญี่ปุ่นมิตรแท้ มองตาก็รู้ใจ ดีใจ ‘นายกฯญี่ปุ่น’ ชวนร่วมประชุมสังเกตการณ์ ประชุมวง OECD ยกระดับหารือการค้า

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 17 ธันวาคม (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโตเกียว ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) ที่โรงแรมโอกูระ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ว่า ในฐานะที่เราเป็นผู้ประสานงานได้กล่าวรายงานถึงความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นที่มีมากกว่า 50 ปี ซึ่งญี่ปุ่นเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอาเซียน และเป็นรายใหญ่ที่สุดที่ลงทุนในไทย และมีการหารือถึงความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่นในเรื่องการลงทุน การท่องเที่ยว และการลงทุนพลังงานสะอาด เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ซึ่งเป็นทิศทางทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะให้เศรษฐกิจเจริญกลับมาได้ และการที่เรากับญี่ปุ่นเป็น Heart to Heart Partners หรือใจถึงใจ ซึ่งความสัมพันธ์ทางด้านจิตใจนี้เกิดจากความสัมพันธ์ในระดับประชาชนที่แน่นแฟ้น เห็นได้จากระยะหลังไทยและญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้สบาย โดยไม่ต้องมีวีซ่า และตอนนี้มีการยกระดับนักธุรกิจญี่ปุ่นไม่ต้องมีวีซ่าในการเข้าประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกฯญี่ปุ่น ยังได้กล่าวสุนทรพจน์ถึง “เมสซี่เจ” นายชนาธิป สรงกระสินธ์ นักฟุตบอลทีมชาติไทย มาญี่ปุ่นก็ดังมากอยากให้มีแบบนี้อีก ซึ่งตนก็ตกใจเรื่องนี้ยิ่งทำให้เห็นสิ่งที่ตนบอกว่าใจถึงใจ ถือเป็นไมตรีจิตที่ประเทศมีต่อกัน นอกจากนี้ ยังมีการหารือกับนายกฯญี่ปุ่นเป็นการส่วนตัว โดยได้มีการพูดคุยถึงการลงทุนธุรกิจ และรายงานให้ท่านทราบโดยตรง ซึ่งการที่ตนเดินทางมาก่อนวันประชุม เพื่อพูดคุยกับบริษัทยานยนต์ 7 บริษัท ที่ต้องการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปเป็นรถยนต์อีวี โดยตนได้ให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลญี่ปุ่นมีบุญคุณกับเรามามาก ฉะนั้นการดูแลนักลงทุนญี่ปุ่นจึงเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญสูงสุด ซึ่งทันก็ได้ขอบคุณและสบายใจ นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยให้ญี่ปุ่นช่วยพัฒนาซอฟต์เพาเวอร์ เพราะเขามีความชำนาญในเรื่องนี้ และแม้ว่าญี่ปุ่นลงทุนในไทยเยอะ แต่ก็มีนักลงทุนไทยมาลงทุนที่ญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน ซึ่งตนก็ฝากให้ช่วยดูแล

Advertisement

นายเศรษฐากล่าวว่า ในการพูดคุยกับนายกฯญี่ปุ่นยังมีการพูดถึงองค์การ เพื่อความร่วมมือ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งมีประเทศใหญ่ๆ เป็นสมาชิกอยู่กว่า 30 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย เบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนี เกาหลี สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร แต่เรายังไม่ได้เป็นสมาชิกอยู่ระหว่างการยื่นอยู่ โดยญี่ปุ่นเชิญให้เราเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ในการประชุมครั้งหน้าช่วงปีหน้า ซึ่งเราไม่ต้องไปขอ แต่ญี่ปุ่นเขาเชิญเรา ทั้งนี้ หากเราได้เป็นสมาชิกการเจรจาเกี่ยวกับสนธิสัญญาการค้า จะทำได้ดีขึ้นถือเป็นเรื่องดี ยิ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นความสำเร็จสัมพันธ์ดีมาก

“การเดินทางในครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก และการพูดคุยในวันนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ซึ่งกระทรวงต่างประเทศเตรียมการไว้ดีมาก อย่างเรื่องนักธุรกิจไม่ต้องใช้วีซ่า เขาขอมาช่วงที่เจอกัน ที่ประชุมเอเปค ที่เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาเขาขอมาไม่ถึง 1 เดือนก็เรียบร้อย พอรู้ดีว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นคู่สัญญาณที่สำคัญในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ในเมียนมา ผมจึงให้ความมั่นใจไปว่าประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียงเราจะไม่ทอดทิ้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ ได้ประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนทั้งหมด โดยจะมีการตั้งกลุ่มขึ้นมาพูดคุยว่าจะช่วยเหลืออย่างไร” นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภายหลังการประชุมหารือทวิภาคีกับนายกฯญี่ปุ่น แบบเต็มคณะ นายกฯญี่ปุ่นได้มอบของขวัญพิเศษเป็นเหล้าอาวะโมริ (Awamori) ซึ่งเป็นเหล้าพื้นเมืองของจังหวัดโอกินาวะ ที่ผลิตจากข้าวไทย ซึ่งเขาทำมากว่า 100 ปีแล้ว ซึ่งเป็นการแสดงว่าเขามีใจให้ประเทศไทย เราซาบซึ้ง

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้น สำหรับของขวัญชิ้นพิเศษที่นายกฯญี่ปุ่นได้มอบของขวัญชิ้นพิเศษ ให้กับนายเศรษฐา เป็นเหล้าอาวะโมริ (Awamori) ซึ่งเป็นเหล้าพื้นเมืองของจังหวัดโอกินาวะ ที่ผลิตจากข้าวไทยแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับญี่ปุ่นยาวนานกว่า 600 ปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image