รบ.ลุย ‘อีซี่ อี-รีซีท’ ปลุกช้อป-กระตุ้นศก.
หมายเหตุ – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าว เรื่องโครงการอีซี่ อี-รีซีท (Easy e-Receipt) ที่กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566
จากที่รัฐบาลต้องการจะกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2567 เพราะรัฐบาลมองว่าปี 2567 นั้น มีผลกระทบเรื่องการบังคับใช้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ปีงบ 2567 ที่ล่าช้า และอีกหลายปัจจัยประกอบกัน ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น ช่วงต้นปี 2567 ก็เป็นช่วงที่สำคัญ หากไม่มีมาตรการกระตุ้นก็จะเป็นจุดโหว่งได้ แม้ว่าจะยังเป็นช่วงไฮซีซั่น ที่ผลักดันการท่องเที่ยวก็ตาม
แต่ในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 1 เชื่อมไปสู่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 อาจจะมีปัญหาได้ เพราะเป็นช่วงที่พ้นไฮซีซั่นไปแล้ว ก็ต้องรองบประมาณแผ่นดิน การลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐ ที่กว่าจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ก็อย่างที่ทราบกันว่า ประมาณเดือนพฤษภาคม 2567 เพราะฉะนั้นการที่ออกมาตรการกระตุ้นในช่วงต้นปี 2567 ก็เป็นสำคัญ รัฐบาลจึงออกโครงการอีซี่ อี-รีซีท
โดยโครงการอีซี่ อี-รีซีท คือ โครงการที่สนับสนุนให้ประชาชนในฐานภาษีออกมาใช้จ่าย จะต้องซื้อสินค้าและบริการ จากผู้ประกอบการหรือร้านที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) กับกรมสรรพากร รวมถึงเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice and e-Receipt) และสามารถนำค่าใช้จ่ายตามโครงการไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2567 (ยื่นปี 2568) ได้
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังคาดว่าโครงการอีซี่ อี-รีซีทจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ คิดเป็นเม็ดเงิน 7 หมื่นล้านบาท และช่วยให้การขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2567 หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวเพิ่มขึ้น ไม่ต่ำกว่า 0.18% ต่อปี เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีมาตรการ ขณะที่คาดการณ์การสูญเสียภาษีอยู่ที่หลักพันล้าน ไม่เกินหมื่นล้านบาท ซึ่งไม่มีนัยยะสำคัญต่อรายได้ภาษีของประเทศ รวมทั้งโครงการนี้ยังเป็นผลยังดีต่อการจัดภาษีมูลค่า (แวต) ได้เพิ่ม ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษีและสนับสนุนการใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ภาษีของรัฐในระยะยาว
นอกจากนี้ยังเป็นการจูงใจร้านค้าในระบบภาษี เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ คือระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร ที่เมื่อใครก็ตามใช้จ่ายระบบจะเก็บข้อมูลแส่งกรมสรรพากรทันที ไม่ต้องมาเก็บเอกสาร ใบเสร็จ ใบกำกับภาษีเอง ทำให้กลายเป็นระบบภาษีที่ทุกคนคาดหวัง คือง่ายกับคนที่มายื่นแบบ และเกิดประสิทธิภาพกับภาครัฐ
ปัจจุบัน ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และอยู่ในระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ซึ่งจะเปิดรับโครงการอีซี่ อี-รีซีท ได้จำนวนกว่า 4 พันราย คิดเป็นจุดบริการ หรือเอาต์เล็ต รวมถึงช่องทางจำหน่าย จำนวน 1.16 แสนจุดทั่วประเทศ และในกระบวนการดำเนินโครงการในครั้งนี้ รัฐบาลโดยกรมสรรพากร ก็ได้ประชาสัมพันธ์และสนับสนุนร้านค้าเข้าสู่ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt โดยเชื่อว่าจะเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการได้ไม่ต่ำกว่าเท่าตัว คือน่าจะได้เห็นผู้ประกอบอยู่ในระบบดังกว่าวที่ประมาณ 1 หมื่นราย เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการซื้อสินค้าและบริการ ได้ครอบคลุมทุกประเภท ทุกธุรกิจ และทุกพื้นที่ทั่วประเทศมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว แต่ยังไม่อยู่ในระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt สามารถสมัครเข้าร่วมได้ผ่านทางสรรพากร และยังสามารถเข้าร่วมโครงการอีซี่ อี-รีซีท ปี 2567 ได้ รวมถึงโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลในอนาคต ซึ่งข้อดีประโยชน์ของการที่ร้านค้า ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์
1.สร้างความน่าเชื่อถือของร้านค้าในการประกอบธุรกิจ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าการส่งใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินนั้นจะเป็นไปอย่างถูกต้อง ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์มีความน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้
2.ลดภาระในการจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีต่อกรมสรรพากร 3.ช่วยให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบ แนวปฏิบัติด้านภาษีและปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับภาษีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว บุคคลธรรมดาที่เข้าร่วมโครงการ (ผู้ซื้อสินค้า) ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
ส่วนประโยชน์ของการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงมาตรการ
1.ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี สามารถนำมาใช้หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรการ อีซี่ อี-รีซีท สำหรับปีภาษี 2567 ซึ่งมีกำหนดการ บ ภ.ง.ด.90/91 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2568-31 มีนาคม 2567
2.ลดภาระการจัดเก็บเอกสารประกอบการยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 ปีภาษี 2567 ที่มีกำหนดการยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2568-31 มีนาคม พ.ศ.2568 เพราะกรมสรรพากรจะจัดเตรียมข้อมูลค่าซื้อสินค้าหรือ บริการจากใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เสียภาษีสามารถเลือกรายการที่จะใช้ หักลดหย่อน และกรมสรรพากรจะจัดวางข้อมูล (Pre-Fill) บนแบบ ภ.ง.ด.90/91 โดยอัตโนมัติ
3.ใบกำกับภาษีที่ได้รับมีความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ทันที ไม่มีความเสี่ยงจากการได้รับใบกำกับภาษีปลอม
สำหรับรายละเอียดของโครงการอีซี่ อี-รีซีท นั้น ให้หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักรจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และได้รับใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือจากผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดได้สูงสุดถึง 50,000 บาท
นอกจากนี้ กรณีการซื้อสินค้าหรือการรับบริการจากผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการ ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องเป็นค่าซื้อสินค้าค่าบริการดังต่อไปนี้
1.ค่าซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร
2.ค่าบริการหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
3.ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอท็อป) ซึ่งได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน
ส่วนสินค้าหรือค่าบริการที่ไม่ร่วมโครงการ ได้แก่ ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์ ค่าซื้อยาสูบ บุหรี่ ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ ค่าน้ำมันและแก๊สสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเตอร์เน็ต ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย และค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาวซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 หรือสิ้นสุดหลังจากวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 แม้ว่าจะจ่ายค่าบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ก็ตาม โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด
ทั้งนี้ ประชาชนที่อยู่ในระบบภาษีสามารถเข้าร่วมโครงการอีซี่ อี-รีซีทได้ทุกราย โดยรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นหากจะเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะเริ่มในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 ด้วย ส่วนประชาชนรายได้เกินเกณฑ์ที่จะสามารถเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หรือมีรายได้ 7 หมื่นบาทขึ้นไปนั้น ก็จะได้เงินลดหย่อนจากโครงการอีซี่ อี-รีซีท โดยรายได้ 7 หมื่นบาทจะอยู่บนฐานภาษี 20% ดังนั้น ใช้จ่าย 5 หมื่นบาท ก็จะได้ลดหย่อนสูงสุด 20% หรือคือ 1 หมื่นบาท เท่ากับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต