เปิดผลงาน ‘ศธ.’ 3 เดือน ชู 10 ด้าน หนุนเรียนดี-มีความสุข

เปิดผลงาน‘ศธ.’3เดือน ชู10ด้าน หนุนเรียนดี-มีความสุข

หมายเหตุ – นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ในพิธีเปิดงาน EDU SOFT POWER FESTIVAL 2024 และการแถลงผลงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในรอบ 3 เดือน มีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และโฆษก ศธ.เป็นผู้แถลงผลงาน ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม

สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และโฆษก ศธ.

สําหรับผลงานในรอบ 3 เดือน ภายใต้นโยบายเรียนดี มีความสุข มีดังนี้ 1.แก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ศธ.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.เป็นประธาน มีหน่วยงานในสังกัดและในกำกับ ศธ.ร่วมขับเคลื่อนดำเนินการ โดยให้สถานีแก้หนี้ระดับเขตพื้นที่การศึกษา สำรวจสภาพหนี้ครู และจัดกลุ่มครูตามภาระหนี้สิน จัดทำหลักสูตรเสริมสร้างวินัยทางการเงินในรูปแบบ e-Learning และอนุมัติจัดสรรวงเงินให้กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวน 200,000,000 บาท

Advertisement

เพื่อช่วยบรรเทาภาวะหนี้สินของข้าราชการครูให้สามารถนำไปชำระหนี้ ซึ่งส่งผลต่อขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน อันจะทำให้คุณภาพการเรียนการสอนดีขึ้น ผู้เรียน เรียนดี มีความสุขตามนโยบายของ ศธ.

2.เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) เรียนฟรี มีงานทำ “ยึดผู้เรียน เป็นศูนย์กลาง” มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ศธ.ได้สำรวจจำนวนสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อใช้ในการเรียนรู้ ซึ่งปัจจุบันมีสื่อ 117,852 สื่อ เพื่อเป็นแหล่งสืบค้นข้อมูลให้กับนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ดำเนินการจัดเสริมความรู้คู่บทเรียนด้วยวิทยากรออนไลน์ ในการเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับการสอบวิชาความถนัดทั่วไป หรือ TGAT, ข้อสอบวัดความถนัดทางวิชาชีพ หรือ TPAT และการสอบวัดความรู้เชิงวิชาการ หรือ A-Level ตลอดเดือนธันวาคม 2566-มีนาคม 2567

รวมทั้งในช่วงเดือนมกราคม 2567 ได้จัดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐาน CEFR ให้แก่นักเรียนผ่านแพลตฟอร์มฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และจัดทำหลักสูตรการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐานความสามารถทางภาษาอังกฤษ (CEFR) และหลักสูตรพัฒนาสมรรถนะดิจิทัล ในรูปแบบ e-Learning เพื่อให้ครู บุคลากรทางการศึกษา และบุคคลทั่วไป สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

Advertisement

3.พัฒนาระบบการแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิต ศธ.ได้จัดทำกรอบหลักสูตรการพัฒนาครูแนะแนวแกนนำ และการ Coaching ที่มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ และเป็นประโยชน์กับการแนะแนวนักเรียนในปัจจุบัน รวมทั้งจัดทำแนวปฏิบัติการจัดกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมโฮมรูม และการดูแลสุขภาพจิตนักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อส่งเสริมและพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้านให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีพัฒนาการที่ดีและมีสุขภาวะทางร่างกายและจิตใจที่ดีในทุกช่วงวัย

4.จัดทำระบบวัดผลรับรองมาตรฐานวิชาชีพ (Skill Certificate) ผู้เรียนสามารถเรียนเพิ่ม เพื่อรับประกาศนียบัตรวิชาชีพในการประกอบอาชีพ ศธ.ได้หารือร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพเกี่ยวกับการดำเนินงาน และทิศทางการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างโอกาสให้นักเรียนอาชีวศึกษาได้มีคุณวุฒิวิชาชีพ

ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ ที่เชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ Up-skill Re-Skill 1 หลักสูตร : 1 Certificate และประกาศนียบัตรวิชาชีพเฉพาะ (ปวพ.) 5 สาขาอาชีพ รวมทั้งการพัฒนาฐานข้อมูลหลักสูตรที่เชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติในรูปแบบดิจิทัลแพลตฟอร์ม

5.จัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษา และประเมินผลการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศ ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในระบบ ประหยัดเวลา และประหยัดค่าใช้จ่าย โดย ศธ.ได้จัดทำแนวทางการสะสมหน่วยการเรียนรู้ และการเทียบโอนผลการเรียน จากโรงเรียนนอกระบบสู่โรงเรียนในระบบ ดำเนินการยก (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เรื่องแนวทางการดำเนินงานระบบคลังหน่วยกิตการอาชีวศึกษา พ.ศ. … และจัดทำ (ร่าง) คู่มือแนวทางการดำเนินงาน ทบทวนระเบียบ ประกาศ แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเทียบโอนผลการเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

6. 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ ศธ.ได้กำหนดโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายรวม 1,808 แห่ง เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา 901 แห่ง และระดับมัธยมศึกษา 907 แห่ง โดยจะประกาศรายชื่อโรงเรียนคุณภาพ พร้อมทั้งเปิดตัวโครงการ และจัดประชุมชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการ แก่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และโรงเรียนที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการภายในเดือนธันวาคม 2566

7.มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ (Learn to Earn) ศธ.ได้ประกาศนโยบาย และแนวทางการขับเคลื่อนการจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีเข้มข้น ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เน้นเพิ่มปริมาณผู้เรียนทวิภาคี ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ร้อยละ 25 ปักหมุดจังหวัดทวิภาคีเข้มข้น 22 จังหวัดทั่วประเทศ ทำความร่วมมือกับศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษาเพื่อสร้างธุรกิจ สร้างรายได้เพิ่ม พัฒนาเป็นผู้ประกอบการ

ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินโครงการส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน 6 โครงการ และฝึกอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้กับประชาชนทั่วไปตามความต้องการของชุมชน รวมถึงจัดทำแผนโครงการส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียนในโรงเรียน พื้นที่ชายแดนภาคใต้จำนวน 5 แห่ง และแผนการพัฒนาอาชีพสำหรับผู้เรียนหลักสูตรระยะสั้น 6 หลักสูตร

8.ปรับวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา ศธ.ได้สื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจในประเด็นการประเมินวิทยฐานะผ่านระบบ DPA (Digital Performance Appraisal) ให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษายื่นคำขอประเมินวิทยฐานะผ่านระบบ DPA รวมทั้งสิ้น 67,007 ราย โดยประเมินแล้วเสร็จ 63,429 รายและอยู่ระหว่างดำเนินการประเมิน 3,578 ราย

รวมถึงกำหนดแนวทางการปรับปรุงระบบการประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่เน้นตามสภาพจริง ลดการทำเอกสาร ขั้นตอนการประเมินไม่ซับซ้อนและเป็นธรรม โดยเน้นผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน คำนึงถึงสภาพบริบทของสถานศึกษา และสอดคล้องกับการเรียนรู้ที่หลากหลาย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ.2567

9.ครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น ลดขั้นตอน ลดเอกสาร เพิ่มความสะดวกให้ครูย้ายกลับภูมิลำเนาได้ง่ายขึ้น ด้วยความโปร่งใส ศธ.จึงได้พัฒนาระบบจับคู่ครูคืนถิ่น (Teacher Matchingt System (TMS)) โดยจะเปิดใช้งาน เพื่อให้ครูได้ยื่นคำขอร้องย้ายสับเปลี่ยนได้ในช่วงระหว่างวันที่ 16-31 มกราคม เพื่อเป็นของขวัญในวันครู ปี 2567

และ 10.จัดหาอุปกรณ์การสอน และสวัสดิการให้เพียงพอ และเหมาะสม เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา (Anywhere Anytime) ขณะนี้สถานศึกษาต่างๆ ได้นำร่องการใช้แท็บเล็ต (Tablet) ในการจัดการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลาย

สำหรับการดำเนินงานในภาพรวมของ ศธ.ในการสนับสนุน จัดหาอุปกรณ์ในการช่วยจัดการเรียนการสอน และสนับสนุนจัดหาแท็บเล็ต (Tablet) ที่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการจัดสรรงบประมาณ ประจำปี 2567

อนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล ศธ.และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

“การศึกษาอาจจะต้องเน้นการเข้าถึงให้มากขึ้นซึ่งปัจจุบันเด็กสามารถเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น สามารถเรียนรู้ได้ผ่านทางออนไลน์ ผลงาน 3 เดือนของ ศธ.ที่ผ่านมามีให้เห็นชัดเจน เช่น ใครที่มีความรู้ความสามารถ มีทักษะความชำนาญ มีพรสวรรค์ แต่ไม่ชอบเรียน ขาดใบวุฒิบัตร ก็เปิดให้เทียบวุฒิการศึกษาได้ ซึ่งดูแลสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ดังนั้น ทุกอย่างเป็นองคาพยพเดียวกัน ที่พูดแบบนี้เพราะอยากปลุกระดม วันนี้การศึกษาทัวร์ลงทั้งระบบ การศึกษารั้งท้าย ผลประเมินตกต่ำ ก็ต้องปรับปรุงทำให้คนเห็น ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าไม่มีอะไรที่เด็กไทยทำไม่ได้ แข่งคณิตศาสตร์ หรือวงโยธวาทิตก็คว้าแชมป์มาแล้ว ประกวดนางงาม
ก็ติดอันดับ เด็กเหล่านี้เรียนอยู่ที่ประเทศไทย ไม่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดตั้งแต่เด็ก

ฉะนั้น อยากขอให้คนไทยช่วยกัน ต้องทำให้เด็กใฝ่ดี เด็กวัยนี้ใส่อะไรเข้าไปเขาก็ซึมซับ ต้องใส่ความมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาการศึกษาให้ดีขึ้น โดยพยายามทำให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบ ไม่นอกกรอบ เป็นซอฟต์เพาเวอร์ด้านการศึกษา โดยมีสิ่งที่ต้องเพิ่มเติมเข้าไปคือความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ซึ่งเด็กยังขาดเรื่องนี้ อาจเพราะเด็กรุ่นนี้ไม่ได้ดูโทรทัศน์ช่องไทยเหมือนสมัยก่อน ที่มีพระราชกรณียกิจในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ปลูกฝังให้ภาคภูมิใจในประเทศไทย ทำให้เรารักประเทศไทย และเห็นว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ บรรพบุรุษต้องทุ่มเทเสียสละขนาดไหน วันนี้เราสู้กันด้วยสงครามเศรษฐกิจ ไม่ได้เสียเลือดเสียเนื้อเหมือนในอดีต ดังนั้น ต้องหวงแหนประเทศไทย

ทุกคนใน ศธ.เป็นนักการศึกษาโดยตรง ต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ มอบโอกาส แรงบันดาลใจ และส่งเสริมพวกเขาเหล่านั้นให้มากที่สุด ผมมาให้กำลังใจขาดตรงไหนตามคำวิจารณ์ก็ต้องเติม แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่มีอะไรเลย ผมไม่เชื่อว่าเราไม่มีพื้นฐาน ล้าหลัง ไม่มีทางพัฒนาการศึกษาไปได้ ขอให้กำลังใจ อย่าได้ท้อถอย พัฒนาระบบการศึกษาของประเทศให้เจริญรุ่งเรืองในกรอบของประเทศไทย ทิ้งไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นความภาคภูมิใจในบ้านเมือง เมืองไทยเราสำคัญมาก เพราะทุกคนมีครู มีความยำเกรง มีวิชา สิ่งเหล่านี้ปลูกฝังในเด็ก เชื่อว่าเราไม่แพ้ใครในโลก ขอมอบเป็นนโยบายให้ปฏิบัติและพร้อมสนับสนุน 100%

ที่ผ่านมา ศธ.ได้พัฒนาหลักสูตรอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยหยุดนิ่ง และพยายามหมุนไปตามความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของโลก การจัดงานเพื่อให้กำลังใจ และทำให้เด็กทราบว่ามีทางเลือกในอนาคตอย่างไร การศึกษาไม่จำเป็นต้องเรียนในห้องเรียนอย่างเดียว มีวิธีการแสวงหาความรู้ในหลายช่องทาง ขณะเดียวกันยังพยายามให้เด็กๆ ได้เห็นว่า ถ้ามีความสามารถพิเศษแต่อาจไม่ชอบเรียนวิชาการก็ยังมีสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เทียบวุฒิรับรองความสามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพได้

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการศึกษาของไทยไม่ได้ด้อยกว่าใคร โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ทราบอยู่แล้วว่าภารกิจงาน ศธ.เป็นพื้นฐานหลักที่สำคัญมากในการพัฒนาประเทศ ดังนั้น จะต้องทำงานให้หนักมากขึ้น ซึ่งผมได้แจ้งให้ผู้บริหาร ศธ.พยายามออกมาประชาสัมพันธ์งานให้ประชาชนได้รับทราบ รวมถึงรับฟังข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ เพื่อนำมาปรับ

ส่วนเรื่องหนี้สินครู ถือเป็นโจทย์ใหญ่ รัฐบาลกำลังจะมีวิธีการแก้ไข ซึ่งครูก็มีหนี้นอกระบบจำนวนมาก ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาได้จะเป็นเรื่องดีอย่างพวกส่งดอกทบต้น เสียดอกร้อยละ 20 ซึ่งครูถือเป็นอาชีพที่มีรายได้ประจำ ก็ต้องดูว่าเขามีความสามารถในการชำระหนี้มากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ถือว่าอยู่ในเรื่องที่รัฐบาลพยายามเร่งจะแก้ไข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image