ก้าวไกล เตรียมถล่มงบฯ 3-5 ม.ค. จัด 33 ส.ส.ตัวจี๊ด ธีม ‘วิกฤตแบบใดทำไมจัดงบแบบนี้’
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมว่า ช่วงวันที่ 3-5 มกราคม 2567 สภามีวาระสำคัญในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ใช้เวลา 3 วันที่รัฐบาลจะนำเสนอต่อรัฐสภา อยากให้ประชาชนให้ความสำคัญ เพื่อทราบว่าแต่ละกระทรวงใช้งบประมาณเท่าใด เมื่อสภารับหลักการวาระแรกแล้วจะต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อไปพิจารณาในวาระสอง ก่อนจะเสนอกลับมายังรัฐสภาในวาระที่สาม ไม่เกิน 105 วันทำการ หรืออาจใช้เวลาเพียง 90 วัน
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความพร้อมการชี้แจงร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ว่าวันที่ 2 มกราคม 2567 จะประชุมเตรียมความพร้อมเรื่องของงบประมาณของกระทรวงกลาโหม โดยมีปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมผู้อำนวยการงบประมาณของแต่ละเหล่าทัพ และทีมผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทีมปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยตนเองจะชี้แจงเองในวาระที่ 1
“ผมเตรียมพร้อมมาตลอด และวันที่ 2 มกราคมจะซักซ้อมแนวทาง ส่วนการกำกับดูแลกระทรวงกลาโหม รวมถึงงบประมาณที่จะพิจารณา ที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เคยบอกว่า เมื่อมอบให้ดูแล ถ้ามีอะไรหนักใจก็ให้บอกได้ ส่วนกรณีเรือดำน้ำ มีการสอบถามไปยังอัยการสูงสุด ยังไม่มีการส่งกลับมา แต่มั่นใจชี้แจงได้หมดในมุมของงบประมาณ” นายสุทินกล่าว
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเตรียมรับมือการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2567 ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้แบ่งการอภิปรายออกเป็นหมวดๆ อาทิ ด้านสังคม ยุทธศาสตร์ ผู้สูงอายุ โดยให้ ส.ส.มาลงชื่อว่าต้องการอภิปรายในหมวดใด ซึ่งขณะนี้กําลังส่งรายชื่อกันมา และจะมีการหารือกันอีกครั้งในวันที่ 3 มกราคม 2567 ทั้งนี้ ตนเองจะหารือกับนายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. ในวันที่ 2 มกราคม 2567 ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการติวเข้มอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายครูมานิตย์กล่าวว่า ไม่มี การอภิปรายงบจะไปติวเข้มอะไร เป็นฝ่ายรัฐบาลก็ต้องสนับสนุนรัฐบาล แต่อาจมีติติงเสนอแนะบ้าง เช่น ปัญหาของเด็กเยาวชน การศึกษา การคมนาคม ต้องยอมรับว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้จัดสรรงบประมานในรอบนี้เองทั้งหมด ต้องยกยอดมาจากรัฐบาลชุดก่อน เนื่องจากทําไม่ทัน หากจะแก้ไขก็ยิ่งล่าช้า เพราะจัดตั้งรัฐบาลได้ช้า ต้องรองบประมาณปี 2568 เพราะรัฐบาลชุดนี้ต้องรับผิดชอบเต็มๆ ทั้งนี้ ฝ่ายค้านจะทำเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ เพราะต้องยึดกติกาการอภิปรายงบประมาณ เนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีกติกาอีกแบบหนึ่ง จะด่ารัฐบาลได้อย่างไร เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย ต้องให้เขาทำงานก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้เตรียมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 มาในธีม วิกฤตแบบใดทำไมจัดงบแบบนี้ และแยกย่อยตามวิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยมีจะมีผู้อภิปราย 33 คน อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ก.ก. รับผิดชอบด้านวิกฤตทางการเมือง, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค รับผิดชอบด้านวิกฤตเศรษฐกิจ, นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ส.ส.เชียงใหม่ รับผิดชอบด้านวิกฤตสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่องฝุ่นพิษ PM2.5 นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม. และนายเอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม. รับผิดชอบด้านวิกฤตความขัดแย้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และปัญหางบประมาณกองทัพ, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรค, และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รับผิดชอบด้านวิกฤตการศึกษา
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวกรณีที่รัฐบาลออกมาดักฝ่ายค้านว่าอย่าหลงประเด็นใช้เวทีงบอภิปรายซักฟอก มองอย่างไรบ้างว่า ก.ก.ไม่เคยใช้เวทีอภิปรายงบประมาณเป็นเวทีอภิปรายซักฟอกแม้แต่ครั้งเดียว ฝ่ายรัฐบาลที่เคยร่วมฝ่ายค้านมาก่อนก็น่าจะทราบดีว่าโฟกัสแต่เรื่องงบประมาณ ซึ่งสะท้อนมาที่นโยบาย และการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล อาจจะมีหลุดมาบ้างในเรื่องของนโยบายที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดคอร์รัปชั่น แต่ไม่ใช่เวทีซักฟอกแน่นอน แต่ความหนักอาจจะไม่แพ้เวทีซักฟอก เนื่องจากทำการบ้านมาอย่างหนักและวิเคราะห์อย่างเข้มข้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านจะเตือนรัฐบาลในเรื่องใดบ้าง น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณเป็นการประลองกำลังระหว่างฝ่ายการเมืองและฝ่ายข้าราชการ หากฝ่ายการเมืองไม่เท่าทันฝ่ายราชการ จะเจอปัญหาอย่างที่กำลังเผชิญกัน ซึ่งฝ่ายการเมืองอาจจะได้แค่สั่ง แต่ไม่สามารถติดตาม หรือขับเคลื่อนผลักดันให้นโยบายของรัฐบาลเกิดขึ้นจริง หรือปรากฏเป็นโครงการอยู่ในงบประมาณได้ จะเป็นการเสียเหลี่ยมทางการเมือง และที่สำคัญการรู้เท่าทันเรื่องอื่นๆ เช่น การจัดสรรงบไว้ไม่เพียงพอ หากรัฐบาลไม่รู้เท่าทันอีกฝ่าย ฝ่ายราชการอาจจะยัดไส้อะไรบางอย่างเข้ามา โดยที่ตนเองก็ไม่อาจทราบ และอาจจะเกิดผลร้ายได้ในภายหลัง