อดีตเลขาฯสมช. มองงบกลาโหมเพิ่ม ตอกย้ำภาพรบ. เป็นตัวประกัน ขั้วอำนาจเก่า
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า การพิจารณางบประมาณปี67 งบกระทรวงกลาโหม(กห.)ได้เปิดฉากเสียสัตย์ซ้ำรอยเดิม พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้จะตัดงบกห.ลดลง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่กลับเป็นเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบหากไม่เกิดเหตุรัฐบาลบาลข้ามขั้ว จะเกิดนโยบายการสร้างทหารอาชีพยึดงานภารกิจหลักคือการปกป้องอธิปไตยจากอริราชศัตรู กำลังพลจะลดลงการเกณฑ์ทหารในรูปของการสมัครใจโดยไม่มีการบังคับเกณฑ์จะทำได้จริงในปี67นี้เลย โครงสร้างกองทัพจะกะทัดรัด ทันสมัย เป็นสากล เดินหน้าสู่รูปธรรมได้จริง
กห.จะโชว์ผลงาน 4 เดือนแรก จับต้องได้ด้วยการยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกทุกพื้นที่ แสดงว่าประเทศนี้มีความปลอดภัยเหมาะแก่การท่องเที่ยวลงทุนค้าขาย พร้อมกับการลดพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการพูดคุยสันติสุขให้บังเกิดผล ปรับกอ.รมน.ให้เปลี่ยนเจ้าภาพหลักจากทหารเป็นพลเรือนและตำรวจแทนในเวลาอันสั้นซึ่งเป็นไปตามหลักสากลในการรักษาความมั่นคงภายใน
ส่วนการจัดหาเรือดำน้ำกับรัฐบาลจีนที่มีปัญหาการส่งมอบว่า เป็นการผิดข้อตกลงหรือผิดสัญญาตัวไหนกันแน่ เรื่องนี้แสวงหาคำตอบมาให้สังคมทราบได้ภายใน 1 เดือน เรื่องเรือดำน้ำรวมทั้งบางแผนของการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์และโครงการอื่นของเหล่าทัพต่างๆสามารถชะลอไปก่อนได้ เพื่อการไปปรับลดงบกห.ลงได้ 10 เปอร์เซนต์เอาไปแบ่งใส่ให้กองทุนยุติธรรมแทนได้ด้วย
ซึ่งการที่รัฐบาลนี้ยอมเสียรังวัดจัดสรรงบกห.เพิ่มขึ้นและงบแผนรวมไม่ตรงปก สังคมต่างมองว่าเพราะพรรคแกนนำรัฐบาลถูกกลุ่มอำนาจเก่าใช้กลยุทธ์จับขุนเป็นตัวประกันมาใส่แอกรัฐบาลไว้ แต่ถ้าพรรคแกนนำดวงตาเห็นธรรมสำนึกได้ ก็จะเห็นถึงวิธีการปลดแอก นั่นคือการกลับไปเคารพต่อการปฏิบัติตามสัญญาประชาคมตามผลการเลือกตั้งส.ส.ที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้นที่ผ่านมานั่นเอง ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นก็จะได้อานิสงส์ทำให้ขุนตัวประกันได้รับอิสรภาพและความปลอดภัยอย่างยั่งยืนไปพร้อมกันอีกด้วย