ส.ว.ตวง แนะรบ.รับความจริง กฤษฎีกาไม่ได้ชี้ชัด ดิจิทัลวอลเล็ตทำได้ ย้อนจำนำข้าวแบบนี้เป๊ะ สุดท้ายจบที่ศาล

“ส.ว.ตวง” เชื่อรัฐบาลรู้อยู่แก่ใจ พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านไปต่อได้ยาก แต่ต้องมีทางลง ให้สง่างาม ชี้ไม่ว่า รบ. “อภิสิทธิ์-ยิ่งลักษณ์” ก็จบที่ศาล รธน.เตือนยอมรับความจริงเหตุกฤษฎีกาไม่ได้ชี้ชัดว่าทำได้

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 9 มกราคม 2567 ที่รัฐสภา นายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ว่า ที่ผ่านมาการออก พ.ร.บ.เงินกู้ในลักษณะนี้ไม่เคยประสบความสำเร็จ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งสุดท้ายเรื่องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทครั้งนี้ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ก็เชื่อว่าจะเป็นเช่นเดียวกัน

นายตวงกล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องอธิบายให้ได้เป็นอันดับแรกคือเรื่องของประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างไร เพราะถ้าดูจากตัวเลขงบประมาณ ประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤต อีกทั้งนายกรัฐมนตรีได้เดินสายไปเชิญชวนทุกประเทศทั่วโลกมาลงทุน แต่มาบอกคนในประเทศว่า เรากำลังวิกฤต อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากสถานการณ์ช่วงปีใหม่ที่มีการเดินทางสัญจรกลับภูมิลำเนา พบว่าคึกคักเป็นอย่างมาก สามารถอธิบายปรากฏการณ์ได้ว่าไม่ใช่ช่วงวิกฤตของประเทศ ไม่เหมือนช่วงสถานการณ์โควิด-19 หรือช่วงภาวะสงคราม และส่วนตัวมองว่าตอนนี้ประเทศอยู่ในสถานการณ์ปกติ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ด้วยวิธีอื่น

“มันยากที่จะบอกว่า ประเทศที่ปกติให้วิกฤต ถามหน่อยว่า จะบอกว่า ประเทศเราวิกฤตเรื่องอะไร วิกฤตเศรษฐกิจหรือการเมือง เพราะหลังการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ผมว่า มันดาวน์ลง เป็นธรรมชาติทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เราอยู่ในภาวะปกติธรรมดา เหมือนกับประเทศในภูมิภาคเอเชียและอาเซียน เรากำลังเป็นประเทศก้าวไปข้างหน้า ถ้าเราจะบอกว่า ประชาชนเดือดร้อน ลำบาก เราจะใช้เงินเข้าไปให้เกิดการหมุนของเงินเป็นเรื่องที่ต้องอธิบายยากพอสมควร” นายตวงกล่าว

Advertisement

นายตวงกล่าวต่อว่า การตีความตามความเห็นกฤษฎีกา ไม่ได้เป็นการบอกตรงๆ ซึ่งส่วนตัวมองว่า กฤษฎีกาฉลาด ขอให้ย้อนกลับไปดูความเห็นของกฤษฎีกาในอดีตในทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เคยบอกว่า โครงการไหนทำไม่ได้ แม้แต่การเขียนจดหมาย กฤษฎีกาก็จะไม่บอกว่า ผิดหรือถูก อยู่ที่คนบริหารราชการแผ่นดินว่า จะใช้วิจารณญาณอย่างไร จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลว่า ให้ยอมรับความจริง และทบทวน

นายตวงกล่าวด้วยว่า ยกตัวอย่างโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กฤษฎีกาก็ไม่ได้บอกว่าผิด ทั้งนี้หากรัฐบาลนายเศรษฐาจะเดินหน้าต่อ เชื่อว่า เรื่องจะไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีผู้ยื่นเรื่องร้องต่อศาลให้วินิจฉัย ทั้งฝ่ายค้านหรือภาคประชาชน และศาลเคยวินิจฉัยเรื่องเหล่านี้มาแล้ว

อย่างไรก็ตาม มองว่า รัฐบาลอาจจะรู้อยู่แก่ใจว่า เป็นเรื่องยาก และอาจจะมีธง หรืออาจเป็นข้ออ้างเพื่อเดินหน้าต่อในทางการเมือง เพราะทุกเรื่องต้องมีทางลง เห็นใจรัฐบาลเหมือนกันว่า จะลงอย่างไร เพราะประกาศตั้งแต่หาเสียง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่า จะลงอย่างไร ให้มีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรีและสง่างาม ถ้าลงไม่ได้ในอดีต มีทางที่คนเคยลงคือไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำตอบก็รู้อยู่แล้ว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image