“สภาฯ” ยื้อ กม. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้ง 3 ฉบับ ของภาคปชช.-พรรคก้าวไกล รัฐบาลไม่ยอมให้โหวตรับหลักการ ขอนำกลับไปศึกษาใหม่ภายใน 60 วัน
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ซึ่งเสนอโดยภาคประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 92,978 คน นำโดย นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ในวาระแรก ทั้งนี้ ในการอภิปรายของ ส.ส.ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ทักท้วงและท้วงติงเกี่ยวกับประเด็นการกำหนดบทบัญญัติที่เป็นการควบคุมมากจนเกินไป และไม่เปิดโอกาสให้เกิดการสนับสนุนภาคชุมชนผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสร้างรายได้และเป็นสินค้าประจำท้องที่เหมือนอย่างต่างชาติ
ทั้งนี้ น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นบทบังคับการเติบโตของการผลิตสินค้าโดยชุมชน เกษตรกร หรือผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งคล้ายกับการปิดโอกาสและเอื้อให้กับนายทุนผูกขาด อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวของประชาชน พบว่า เนื้อหาบางส่วนควรแก้ไขปรับปรุง คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สถานที่จำหน่ายขนาดเล็ก และการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ณ จุดขาย รวมถึงการคิดค่าปรับเปิดนอกเวลาเป็นจำนวนเท่ากัน
“ร่าง พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ในทางปฏิบัติเปิดช่องให้เกิดทุจริตได้ และการบังคับใช้ผ่านการใช้ดุลพินิจอาจเกิดการเรียกรับสินบน ไม่มีประสิทธิผลในการควบคุมการบริโภคเครื่องอื่มแอลกอฮอล์ หากมองด้วยความเป็นกลาง เครื่องดื่มแอลกฮอล์มีทั้งคุณและโทษ แต่การควบคุมตามร่างกฎหมาย เคร่งครัดและสุดโต่ง ทั้งที่ควรควบคุมอย่างเหมาะสม หาจุดกึ่งกลางเพื่อควบคุมผลร้ายที่มีประสิทธิภาพ และผลดี และสิ่งที่เป็นปัญหา คือการตั้งองค์กรประชาสังคมที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” น.ส.ธิษะณากล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนการลงมติว่าจะรับหลักการหรือไม่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ขอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ฉบับประชาชนไปพิจารณาศึกษาก่อนรับหลักการ ภายใต้กรอบเวลาไม่เกิน 60 วัน เพื่อให้เกิดความรอบคอบและคืนให้สภาพิจารณา ซึ่งการรับไปพิจารณาดังกล่าวไม่ได้แปลว่าไม่เห็นด้วย
ทำให้ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โต้แย้งว่า ขอให้สภาพิจารณาในร่างกฎหมายดังกล่าว โดยไม่เห็นด้วยในหลักการที่ ครม.จะรับไปพิจารณาก่อนให้สภาลงมติ กรณีที่รัฐบาลขอรับร่างกฎหมายไปพิจารณานั้นแสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมและไม่ได้ทำการบ้านมาล่วงหน้า
จนทำให้ ส.ส.พรรครัฐบาล ลุกประท้วงคำพูดของนายณัฐวุฒิ พร้อมยืนยันว่าการรับไปพิจารณาแม้จะใช้เวลาล่าช้า แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบ เพราะร่างกฎหมายดังกล่าวมีฝ่ายที่ได้เปรียบและเสียเปรียบอีกทั้งฝ่ายรัฐบาลต้องรับผิดชอบมากกว่าฝ่ายค้าน จึงจำเป็นต้องรับไปพิจารณาก่อน
ทำให้ต้องลงมติเพื่อตัดสิน โดยผลการลงมติ ปรากฏว่ามีผู้เห็นด้วย 241 คน และไม่เห็นด้วย 159 คน ดังนั้นสภาต้องให้รัฐบาลรับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไปพิจารณาก่อนลงมติ
จากนั้น ที่ประชุมสภาได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อีก 2 ฉบับ ที่เสนอโดย นายเจริญ เจริญชัย ตัวแทนภาคประชาชน และอีกฉบับเสนอ โดย นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โดยมีเนื้อหาลดการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมาตรา 32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่ระบุห้ามโฆษณาหรือแสดงชื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่ออวดอ้างหรือชักจูงให้ผู้อื่นดื่มทั้งทางตรงหรือทางอ้อมนั้น เป็นการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลเกินความจำเป็น รวมถึงปลดล็อกการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มีคุณภาพมากขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
โดย นายเจริญกล่าวว่า มาตรา 32 ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เขียนกว้างเกินไป เกาไม่ถูกที่คัน การมีกฎหมายที่ควบคุมเคร่งครัด แต่การควบคุมใช้ไม่ได้ผล สร้างผลกระทบวงกว้าง แค่พูดถึงเครื่องดื่มในจังหวัดตัวเองยังทำไม่ได้ ร้านอาหารแค่มีเมนูแสดงรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังถูกดำเนินคดี กฎหมายฉบับนี้กำหนดส่วนแบ่งค่าปรับแก่เจ้าหน้าที่ กรณีบุคคลทั่วไปทำผิด มีโทษปรับ 17,000 บาท เจ้าหน้าที่ได้ส่วนแบ่ง 7,650 บาท ร้านอาหารทำผิดมีโทษปรับ 50,000 บาท เจ้าหน้าที่ได้ส่วนแบ่ง 22,500 บาท เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาไล่ล่าการจับกุม หาส่วนแบ่งนำจับ
ขณะที่ นายเท่าพิภพกล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับพรรคก้าวไกล เป็นการลดข้อขัดแย้งของทุกฝ่าย จะแก้ไขให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่ห้ามเกินจริง ส่วนการโพสต์รูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถ้าเป็นคนธรรมดาโพสต์ไม่มีความผิด หากพิสูจน์ได้ว่า ไม่มีผลประโยชน์ร่วม แต่ถ้าเป็นบริษัทผู้ผลิตโพสต์ถือว่ามีความผิด ปัจจุบันค่าปรับโพสต์รูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แพงกว่าค่าปรับเมาแล้วขับ เป็นการดูถูกประชาชน แค่เห็นรูปที่โพสต์ก็วิ่งไปซื้อแล้ว ประเทศนี้กลัวการแสดงความเห็น
จากนั้นที่ประชุมเปิดโอกาสให้ ส.ส.อภิปรายแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่เห็นด้วยให้มีการปลดล็อก ลดความเข้มงวดการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม หลังจากสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้น นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอนำร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของภาคประชาชน และของนายเท่าพิภพไปให้ ครม.พิจารณาศึกษา ไม่เกิน 60 วัน ก่อนเสนอกลับมาให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาวาระ 1 อีกครั้ง
ทำให้ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว ทำให้ที่ประชุมต้องลงมติ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นด้วย 257 ไม่เห็นด้วย 156 งดออกเสียง 7 เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นด้วยให้ส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวกลับไปให้ ครม.พิจารณาก่อน