ด่วน! ศาลรธน. มีมติเสียงข้างมาก ให้ศักดิ์สยาม สิ้นสุดรมว. คดีซุกหุ้นบุรีเจริญ ตั้งแต่ 3 มี.ค.66
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 มกราคม 2567 องค์คณะศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและอ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ว่า สมาชิกภาพนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ จากกรณียังคงไว้ซึ่งหุ้นส่วนและเป็นผู้ถือหุ้นและเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ทำให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการหุ้น หรือกิจการของห้างหุ้นส่วนเป็นการกระทำต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 187 ประกอบพระราชบัญญัติการจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี มาตรา 4(1)
จากนั้น เวลา 14.00 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย โดยเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) เนื่องจากจากข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าหุ้นของห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐ และนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ พนักงานห้างหุ้นดังกล่าวถืออยู่นั้น แท้จริงยังคงเป็นหุ้นของนายศักดิ์สยาม โดยศาลฯคำสั่งให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยามสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันที่3มีนาคม 2566 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฏิบัติหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอ่านคำวินิจฉัยวันนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้ถูกร้อง ได้เดินทางมารับฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเอง ทั้งนี้ คดีดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญ ใช้เวลาในการอ่านคำวินิจฉัยประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
สำหรับ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เสียงข้างน้อย 1 เสียง คือ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม
ขณะที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพียงสั้นๆ กับสื่อมวลชนว่าไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรสบายดี โดยตอบคำถามสื่อมวลชนว่า จะขอคัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน
เมื่อถามถึงแนวทางการดำเนินการต่อไปหลังจากนี้ รวมถึงกรณีการตั้งนอมินี เข้ามาถือหุ้นแทนและบอกอีกว่านายอนุทินชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ฝากอะไร ก่อนเดินทางขึ้นรถกลับทันที