ช่อ ประเมินเวิร์สเคส รับผลหลังคำวินิจฉัยปม 112 อาจนำไปสู่คดีใหม่ ยุบพรรคก้าวไกล

ช่อ ประเมินเวิร์สเคส รับผลหลังคำวินิจฉัยปม 112 อาจนำไปสู่คดีใหม่ ยุบพรรคก้าวไกล

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา นางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ในรายการ The politics เครือมติชน ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลถูกร้องเรื่องรณรงค์หาเสียง แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย 31 มกราคมนี้ ว่า คดีมาตรา 112 ในสัปดาห์หน้า ไม่ใช่เรื่องของ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อย่างเดียว แต่ใหญ่กว่านั้นอีกมาก ซึ่งเกี่ยวกับระบบนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ มันคือการตอบคำถามว่า ตกลงสถานะของกฎหมาย 112 จะอยู่เหนือกฎหมายอื่นหรือไม่

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ข้อกล่าวหาคือ การแก้ไข มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ถือเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาว่า การกระทำนี้ของก้าวไกลเท่ากับล้มล้าง นั่นหมายความว่า การแก้ไขกฎหมายฉบับใด ฉบับหนึ่ง สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ ถ้ามีแต่ 112 ที่แก้แล้ว ล้มล้างการปกครอง นั่นก็หมายความว่า กฎหมายฉบับนี้มีสถานะเหนือกฎหมายอื่น แล้วกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งจะมีสถานะเหนือกฎหมายอื่นได้อย่างไร รัฐสภาคือฝ่ายนิติบัญญัติ มีหน้าที่ออกกฎหมาย แก้กฎหมาย เพราะฉะนั้นการแก้กฎหมาย ย่อมเป็นวิธีทางตามระบอบการปกครอง หรือเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ในสภาฯอยู่แล้ว ซึ่งมีกระบวนการอยู่ตลอดระยะเวลา ว่ากฎหมายใดจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

Advertisement

เมื่อถามว่า กองเชียร์ก้าวไกล มีความเป็นห่วงว่าการแก้ มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล หากมีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว จะเป็นประตูบานแรกในการเกิดสิ่งต่างๆกับพรรคก้าวไกล น.ส.พรรณิการ์  กล่าวว่า ทางที่ดีที่สุด ที่จะเกิดคือ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของก้าวไกล ยังไม่เข้าข่ายการล้มล้าง แต่มีการประเมินกันว่า อาจมีการขีดขอบเขต เพราะศาลต้องให้เหตุผลว่า แบบใดคือการล้มล้าง และเมื่อศาลให้คำวินิจฉัยว่าแบบใดล้ม แบบใดไม่ล้ม ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐาน เพราะคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันกับทุกองค์กร ส่วนแบบที่แย่คือ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญออกมาระบุว่า การกระทำนี้เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แต่ที่ใหญ่กว่านั้นคือ มันจะนำไปสู่คดีใหม่อีกคดี โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือ นักร้อง ว่าพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครอง ซึ่งจะนำไปสู่คดียุบพรรคได้

“คนจำนวนมากไม่รู้ว่า การแก้ไข 112 แก้กันมาหลายครั้ง ในปี พ.ศ.2519 ก็แก้สำเร็จ และตอนที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชาชน ก็มีการเสนอแก้ แต่แก้ไม่สำเร็จ ซึ่งทั้ง 2 พรรคก็ไม่มีใครถูกหาว่าล้มล้างการปกครอง” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image