ไอทีวีชนะ ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน ไม่ต้องจ่าย 2.8 พันล้าน ให้สปน.

ไอทีวีชนะ ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน ไม่ต้องจ่าย 2.8 พันล้าน ให้สปน.
ไอทีวีชนะ ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน ไม่ต้องจ่าย 2.8 พันล้าน ให้สปน.

ไอทีวีชนะ ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายืน ไม่ต้องจ่าย 2.8 พันล้าน ให้สปน.

วันที่ 25 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ 620/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 1948/2563 ระหว่าง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ร้อง) กับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ผู้คัดค้าน) คดีพิพาทเกี่ยวกับเรื่องที่มีกฎหมายกำหนดให้อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง

(คดีนี้ผู้ร้อง ร้องว่า คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 1/2559 ลงวันที่ 14 มกราคม 2559 กรณีวินิจฉัยว่าผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างไม่มีหนี้ ที่จะต้องชำระแก่กันตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2538 ซึ่งผู้ร้องเห็นว่า เป็นคำวินิจฉัยชี้ขาดที่ไม่เป็นไปตามข้อสัญญาและเกินขอบเขต แห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการ เป็นเหตุให้ผู้ร้องได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล)

คดีนี้ ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านมีข้อโต้แย้งหรือมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างผู้ร้องและผู้คัดค้าน อันเกี่ยวเนื่องกับสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยู เอช เอฟ จึงเป็นการดำเนินการเพื่อระงับข้อพิพาทหรือข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการ ตามที่ผู้ร้องและ ผู้คัดค้านได้ตกลงกันไว้ในสัญญาอนุญาโตตุลาการซึ่งระบุไว้ในสัญญา แม้ข้อพิพาทหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้ร้องได้ยื่นฟ้องผู้คัดค้านต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 640/2550

ADVERTISMENT

ซึ่งศาลปกครองได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เพื่อให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านไปดำเนินการ ทางอนุญาโตตุลาการแล้ว และผู้คัดค้านได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทขอให้คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิเรียกค่าตอบแทนขั้นต่ำพร้อมดอกเบี้ย และค่าปรับ และไม่มีสิทธิเรียกร้องเอามูลค่าทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านส่งมอบให้แก่ผู้ร้องน้อยกว่าที่กำหนด ซึ่งเป็นคู่กรณีคนละฝ่าย ไม่ใช่คู่กรณีฝ่ายเดียวกันยื่นคำเสนอข้อพิพาทหรือข้อเรียกร้องในเรื่องเดียวกัน

และการเสนอข้อพิพาททั้งสองเรื่องดังกล่าวข้างต้น เป็นการเสนอข้อพิพาทต่อองค์กรชี้ขาดคนละองค์กร จึงไม่เข้าลักษณะเป็นของการเสนอข้อพิพาทซ้อน และสัญญาอนุญาโตตุลาการตามที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านได้ตกลงกันให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาท คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจึงอยู่ในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการและไม่เกินขอบเขตแห่งข้อตกลงในการเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ

ADVERTISMENT

ส่วนกรณีที่ผู้คัดค้านยื่นคำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ซึ่งเป็นข้อพิพาทในเรื่องเดียวกันกับข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 และยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ นั้น เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อให้คณะอนุญาโตตุลาการดำเนินกระบวนพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 ต่อไป ข้อพิพาทตามคำเสนอข้อพิพาทดังกล่าวข้างต้นจึงไม่อาจยุติหรือระงับข้อพิพาททางอนุญาโตตุลาการ

ต่อมา ผู้คัดค้านยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการหมายเลขดำที่ 46/2550 ว่า
ผู้ร้องผิดสัญญาเข้าร่วมงานฯ โดยบอกเลิกสัญญาขอให้ผู้ร้องชดใช้ค่าเสียหายกรณีผิดสัญญาเข้าร่วมงาน

ผู้คัดค้านจึงยื่นคำเสนอข้อพิพาท และมูลพิพาทอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้างเกิดจากที่ผู้ร้องบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการเสนอข้อพิพาทคนละเรื่องกับข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 คำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 จึงไม่เป็นคำเสนอข้อพิพาทซ้อนกับคำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 หมายเลขแดงที่ 1/2559 จึงเป็นคำชี้ขาดที่ชอบด้วยกฎหมาย และกรณีไม่มีเหตุที่ศาลจะเพิกถอนคำชี้ขาดดังกล่าวได้ ตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545

ขณะที่บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ออกหนังสือชี้แจงผู้ถือหุ้น ระบุว่า บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ขอแจ้งผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดกรณีข้อพิพาทระหว่างบริษัท และสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กรณีที่ไอทีวีได้ยื่นข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2550 เพื่อให้พิจารณาว่าการบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ UHF (สัญญาเข้าร่วมงาน) ในวันที่ 7 มีนาคม 2550 ของ สปน. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น

โดยหนังสือถึงผู้ถือหุ้น ลงวันที่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 ระบุเรื่องศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ที่ได้พิพากษายกคำร้องของ สปน. ด้วยเหตุว่า คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการนั้น ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ซึ่งมีผลให้คดีนี้ถึงที่สุด โดยบริษัทและ สปน. ต่างไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระต่อกันอีกรวมจำนวนทั้งสิ้น 2,890,345,205.48 บาท (สองพันแปดร้อยเก้าสิบล้านสามแสนสี่หมื่นห้าพันสองร้อยห้าบาทสี่สิบแปดสตางค์)

ทั้งนี้ จากผลของคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท ไม่มีหนี้ที่ต้องชำระ หรือภาระหน้าที่ หรือความรับผิดตามสัญญาเข้าร่วมงาน หรือภาระผูกพันใด ๆ กับ สปน. อีกต่อไป ทั้งนี้ บริษัทจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาทิศทางของไอทีวีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image